Open House : The Esse Asoke by Singha Estate
พอพูดถึงรูปแบบการอยู่อาศัยในทำเลใจการเมือง เราก็คงนึกกันไปถึงภาพของโครงการคอนโดมิเนียมหรูระดับ Luxury ทั้งที่เป็นโครงการคอนโดมิเนียมในรูปแบบของ High Rise & Low Rise ที่ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมือง ใกล้สถานที่สำคัญอย่างแหล่ง CBD ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ หรือ ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า และทำเลใจกลางเมืองที่ดูเหมือนจะได้รับการยอมรับและมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในระดับ Luxury กันมาอย่างต่อเนื่องเป็นอันดับต้นๆที่ใครหลายคนคงจะไม่กล้าปฎิเสธ นั้นก็คือทำเลอย่าง Mid Sukhumvit
ซึ่งทำเลโซน Mid Sukhumvit ถ้าให้ผมจำกัดความก็น่าจะครอบคลุมทำเลตั้งแต่ นานา – อโศก – พร้อมพงษ์ – ทองหล่อ … แต่ถ้าผมพูดแบบนี้ก็แอบดูจะกว้างไปซักหน่อยเนอะ งั้นถ้าจะให้เจาะจงว่าทำเลไหนที่ถือว่าเป็นเหมือนศูนย์กลาง หรือ ใจกลางหลักของความเป็น Mid Sukhumvit หรือกระทั้งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของกรุงเทพฯในเวลานี้ ผมมองว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวแต่หลายๆคนคงน่าจะตอบเป็นเสียงเดียวกันนะครับ ว่าทำเลนั้นก็คือ อโศก
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมมองว่าทำเล อโศก นั้นเป็นอีกหนึ่งทำเลที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางของกรุงเทพฯในเวลานี้ นั้นก็เพราะการที่ทำเลนี้มีสถานีรถไฟฟ้าที่ได้ชื่อว่าเป็น Interchange อย่างรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก ที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สถานี สุขุมวิท ทำให้มีความสะดวกสบายมากๆในเรื่องของการเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆในกรุงเทพฯ ด้วยการเดินทางโดยใช้ระบบรถไฟฟ้านะครับ … แต่ถ้าเดินทางโดยรถยนส่วนตัวก็ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกันนะครับ >///<
และนอกเหนือจากเรื่องของการเดินทางที่สะดวกในการเชื่อมต่อไปยังหลากหลายทำเลในกรุงเทพฯ แล้ว ทำเล อโศก นั้นก็ยังมีความเป็น CBD เล็กๆของกรุงเทพฯ อีกด้วย เพราะเป็นทำเลที่มีทั้ง Office Building , 5 Star Hotel และ ห้างฯ อย่าง Teminal 21 หรือกระทั้งเป็นที่ตั้งของสถานศึกษาชื่อดังอย่าง มหาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, โรงเรียนสาธิต มศว. ประสานมิตร , โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย และ NIST International School Bangkok
จากความน่าสนใจของตัวทำเลความเป็นอโศกและยังเป็นทำเลที่ดูแล้วจะมีแนวโน้มของมูลค่าของโครงการที่จะสูงขึ้นมากๆในอนาคต …
คำถามที่ตามมาคือในทำเลอโศกทำเลที่มีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในระดับ Luxury กันมาอย่างต่อเนื่องนั้น โครงการไหนในวันนี้ที่ดูจะมีความน่าสนใจ ? และจากคำถามนี้จึงเป็นที่มาที่ผมอยากจะเขียนบทความถึงหนึ่งในโครงการที่ผมมองว่าน่าจะตอบโจทย์ความเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในระดับ Luxury และ ความเป็นที่อยู่อาศัยในทำเลอโศกได้อย่างแท้จริง นั้นก็คือโครงการ The Esse Asoke by Singha Estate
สำหรับบทความ Open House : The Esse Asoke by Singha Estate ในครั้งนี้ ผมก็จะขอนำเสนอถึงบรยากาศโดยรวมภายในโครงการพร้อมภาพประกอบส่วนของพื้นที่ส่วนกลางบางส่วนของโครงการนี้ (เนื่องจากเป็นโครงการระดับ Luxury ที่มีการอยู่อาศัยจริงแล้ว จึงไม่สามารถเก็บภาพพื้นที่ส่วนกลางบางส่วนได้นะครับ ) และจะขอเพิ่มเติมในส่วนของ Concept และภาพของห้องตัวอย่างของโครงการนี้ที่ดูโดดเด่นและมีความน่าสนใจ เพื่อให้เป็นแนวทางสำหรับใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ระดับ Luxury ในทำเลนี้กันนะครับ
และด้วยความที่เป็นบทความ Open House ผมก็จะขอเริ่มพูดถึงในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางต่างๆของโครงการ The Esse Asoke by Singha Estate กันก่อนเลยก็แล้วกันนะครับ
จากภาพประกอบด้านบน … จะเป็นบริเวณพื้นที่สวนส่วนกลางที่อยู่ด้านหน้าของตัวอาคาร โดยพื้นที่ในส่วนนี้นอกจากจะเพิ่มความร่มรื่นและหรูหราให้กับทางเข้าหลักของโครงการแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่เป็นเหมือนระยะกั้นกลางระหว่างความวุ่นวายจากตัวถนนอโศกกับการอยู่อาศัยภายในโครงการ
ซึ่งเดิมที จากจุดเริ่มต้นในการพัฒนาโครงการขนาดของที่ดินเดิมและพื้นที่ในส่วนนี้ จะไม่ได้มีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่ขนาดนี้หรอกนะครับ แต่ด้วยความตั้งใจของทางโครงการที่อยากจะเพิ่มระยะห่างของตัวโครงการกับส่วนของถนนอโศก เพื่อเป็นการเพิ่มความเป็นส่วนในการอยู่อาศัยให้กับผู้ที่จะมาอยู่อาศัยในโครงการนี้ จึงทำให้ทางโครงการมีการซื้อที่ดินเพิ่มเติมในส่วนของที่ดินแปลงที่อยู่ด้านหลังของโครงการ เพื่อให้สามารถขยับในส่วนของตัวอาคารพักอาศัยให้มีระยะห่างจากตัวถนนอโศกได้มาขึ้นแบบที่เห็นในภาพนะครับ
เมื่อเราเดินเข้ามาด้านในส่วนของพื้นที่ตัวอาคารจะพบกับส่วนของพื้นที่ที่เป็น Grand Lobby ซึ่งต้องบอกเลยว่าทางโครงการตกแต่งพื้นที่ในส่วนนี้ออกมาได้ดูหรูหราและสมกับความเป็น Grand Lobby จากวัสดุ Spec ต่างๆที่เลือกใช้และความสูง Floor To Ceiling ขนาด 7.5 เมตร ทำให้บรรยากาศโดยรวมของพื้นที่ Grand Lobby ของโครงการ ดูมีความหรูหรา และ ดูโปร่งโล่งมากๆ อารมณ์เหมือน Lobby หรูๆของโรงแรมระดับ 5 ดาวเลยนะครับ
ทางเดินหลักในส่วนของพื้นที่ Grand Lobby ที่จะเข้าสู่พื้นที่ส่วนที่เป็นโถง Lift ด้านใน … ด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนของห้อง Mail Box ส่วนพื้นที่ด้านขวามือจะเป็นส่วนของพื้นที่สำหรับนั่งรอเวลาที่มีแขกหรือเพื่อนแวะมาเยี่ยมก็สามารถให้นั่งรอได้ที่บริเวณนี้นะครับ
The ESSE Residences Lounge พื้นที่ในส่วนนี้จะอยู่ที่ชั้น 43 ส่วนตัวแล้วผมชอบบรรยากาศการและการตกแต่งในส่วนของพื้นที่ในส่วนนี้มากๆครับ ได้ทั้งเรื่องของความเป็นส่วนตัวและความหรูหรา โดยภายในพื้นที่ของ The ESSE Residences Lounge นี้จะมีการจัด Function Layout ของพื้นที่แยกย่อยตาม Function การใช้งานในแต่ละพื้นที่แต่ละมุม อย่างการเตรียมในส่วนของ เคาน์เตอร์ Bar พร้อมตู้แช่ไวน์ไว้บริเวณมุมด้านในสุดของพื้นที่
บริเวณพื้นที่ด้านข้างที่อยู่ติดกับบานหน้าต่าง ถูกตกแต่งและจัดวางให้เป็นพื้นที่สำหรับให้ผู้ที่อยู่อาศัยในโครงการสามารถมานั่งเล่นชมวิวเมืองสวยๆ พร้อมพระอาทิตย์ตกดินของทุกวัน โดยวิวจากตำแหน่งนี้จะได้เห็น City View ฝั่งที่มองไปทาง นานา – เพลินจิต (ภาพวิวตามภาพประกอบด้านบนเลยนะครับ … วิวสวยและได้ความเป็น City View มากๆครับ)
มุมนั่งเล่นอีกหนึ่งมุมภายในพื้นที่ของ The ESSE Residences Lounge ที่ชั้น 43 ซึ่งทางฝั่งด้านทิศเหนือเราจะสามารถเดินออกไปนั่งเล่นชมวิวในส่วนของระเบียงด้านนอก Sky Terrace ได้ด้วยนะครับ โดยวิวจากพื้นที่ระเบียงนี้ก็จะมองออกไปทางทิศเหนือของตัวโครงการ ฝั่งที่เป็นถนนเพชรบุรี และ พระราม 9
และเหตุผลของการออกแบบพื้นที่ Sky Terrace ให้อยู่ในตำแหน่งที่หันหน้าไปทางทิศเหนือของโครงการ ก็เพื่อให้เวลาที่เราออกไปใช้พื้นที่ในส่วนนี้ ช่วงบ่าย หรือ ช่วงเย็น เราก็จะยังสามารถออกไปนั่งเล่นได้ โดยไม่ต้องร้อนแดดช่วงบ่ายนะครับ (อันนี้คิดมาดีจริงๆนะครับ)
ยังไม่หมดนะครับสำหรับ Function ในส่วนของ The ESSE Residences Lounge ที่ชั้น 43 ยังมีพื้นที่ที่เป็น Function : Meeting Room แบบที่ Close Area อีก 2 ห้องนะครับ … Function นี้ไม่มีภาพประกอบนะครับ เพราะตอนที่ผมเข้าไปเก็บภาพมีลูกบ้านใช้อยู่ครบทั้ง 2 ห้องเลยอะ T – T
มาต่อกันด้วยพื้นที่ที่อยู่ในตำแหน่งที่หันหน้าออกไปทางทิศตะวันออก หรือ ด้านหน้าของตัวโครงการฝั่งถนนอโศก จะเป็นส่วนของพื้นที่ Function : Sky Library ไว้สำหรับเป็นพื้นที่นั่งอ่านหนังสือ หรือ นั่งทำงาน ซึ่งเราก็จะสามารถนั่งทำงานในพื้นที่ Function นี้ได้ทั้งวันโดยไม่ต้องร้อนแดดช่วงบ่ายนะครับ
และสำหรับใครที่ต้องการใช้พื้นที่สำหรับการประชุม Project ที่ต้องการใช้พื้นที่ที่ใหญ่และจริงจังมากขึ้น ในชั้น 43 นี้ก็ยังมีส่วนของพื้นที่ Function : Meeting Room ที่รองรับคนได้ 10 – 12 คน พร้อมจอทีวีสำหรับใช้ Present งานได้ด้วย (จอทีวีแอบอยู่ด้านหลังของฉากภาพที่อยู่ด้านขวามือนะครับ)
เพิ่มเติมวิวจากตำแหน่งของห้องนี้สวยมากๆครับ … เพราะจะมองไปทางทิศใต้ของโครงการ ฝั่งของแยกอโศก และจากความสูงระดับนี้ เราจะสามารถมองได้กว้างและไกลมากๆ … สามารถมองเห็นทั้ง Lake ของสวนเบญจกิติ แม่น้ำเจ้าพระยา และ บางกะเจ้า กันเลยนะครับจากตำแหน่งนี้
ส่วนของพื้นที่ Facilities Area ที่ชั้น 33 จะถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่สำหรับ Activities ประเภทของการออกกำลังกายนะครับ … โดยในส่วนของ Sky GYM ตำแหน่งจะอยู่บริเวณที่หันหน้าออกไปทาง City View ฝั่งตะวันตกของตัวโครงการ และ ยังมีส่วนของ Function : Golf Simulator อยู่ในห้องข้างๆ ถัดไปด้วยนะครับ
ส่วนของพื้นที่ Sky Panoramic Pool with Kids Pool, Lap Pool ทั้งหมดจะอยู่บริเวณส่วนของด้านหน้าของตัวโครงการที่หันหน้าออกไปทางทิศตะวันออก และ จากตำแหน่งการวางของพื้นที่ในส่วนนี้ ช่วงบ่ายก็จะไม่ร้อนแดดนะครับเพราะได้เงาของตัวอาคารช่วยบังแสงแดดยามบ่ายให้ และภายในส่วนของพื้นที่ Function : Bathroom แยกชาย – หญิง ก็จะมี Jacuzzi แยกไว้ในแต่ละห้องด้วยนะครับ
ก็จะประมาณนี้นะครับในส่วนของ Facilities Area ต่างๆที่น่าสนใจของโครงการ The Esse Asoke by Singha Estate หากขาดตกในส่วนไหนไปก็ต้องขอประทานโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ แต่ด้วยความที่โครงการนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมเข้าอยู่ได้แล้ว ดังนั้นสำหรับใครที่สนใจโครงการนี้ก็สามารถแวะไปชมโครงการและพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดของโครงการนี้กันได้นะครับ
ในส่วนของข้อมูลโครงการที่น่าสนใจ รวมถึง Unit Plan ที่เป็นห้องตัวอย่างของโครงการนี้ ผมจะขอทำการวิเคราะห์ต่อให้ในส่วนของบทความด้านล่างนี้นะครับ … เพื่อเป็นแนวทางให้สำหรับใครที่กำลังสนใจโครงการนี้ไว้ใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจกันดูนะครับ
Project Information :
ทำเลที่ตั้งโครงการ : ถนนอโศกมนตรี แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110
ขนาดที่ดิน : 2 – 2 -74.4 ไร่
ลักษณะโครงการ : อาคารชุดพักอาศัย High Rise 55 ชั้น 1 อาคาร
จำนวนยูนิต : 419 ยูนิต
Unit Type :
สำหรับโครงการ The Esse Asoke by Singha Estate ด้วยความที่ตัวโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มมีการอยู่อาศัยแล้ว ทำให้ทางโครงการมีการแต่งห้องตัวอย่างไว้ในตำแหน่งห้องจริงที่ยังมีเปิดขายอยู่ ซึ่งห้องตัวอย่างของโครงการนี้จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 Type เท่านั้น นั้นก็คือ Unit Plan 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 46.50 Sq.m. และ 52.50 Sq.m. ซึ่งผมจะวิเคราะห์ Function Layout ของ Unit Plan ห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องนี้เท่านั้นพอนะครับ เพื่อทุกคนจะได้เห็นภาพประกอบและเข้าใจการวิเคราะห์ในแต่ละ Function ได้ง่ายยิ่งขึ้น
ส่วนถ้าใครที่มีความสนใจ Unit Plan ใน Layout อื่นๆ ที่ผมไม่ได้วิเคราะห์หรือพูดถึงไว้ในบทความนี้ ก็สามารถแวะเข้าไปชม Unit Plan และ Layout ได้ที่โครงการกันได้นะครับ หรือจะพิมพ์เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองกับผมก่อนก็ยินดีเช่นกันนะครับ
1 Bedroom 1 Bathroom ขนาดพื้นที่ 37.00 – 52.50 ตร.ม.
ห้องตัวอย่างแบบที่ 1 คือ Unit Plan 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 46.50 Sq.m. เมื่อเราเปิดประตูห้องเข้ามาด้านใน จะพบกับส่วนของพื้นที่ Function : Kitchen + Dining + Living โดยส่วนของพื้นที่ Function : Kitchen จะเป็นแบบเข้ามุมเป็นพื้นที่รูปตัว U ซึ่งจะได้ความเป็นสัดส่วนของพื้นที่ในส่วนของ Function นี้แบบชัดเจน โดยรูปแบบจะเป็น Open Kitchen
ถัดจากส่วนของพื้นที่ที่เป็นเคาน์เตอร์ครัว ที่ทำหน้าที่เป็นทั้ง Island และ Sink จะเป็นตำแหน่งการวางของ Function : Dining โดย Dining จะเป็นแบบเคาน์เตอร์ที่รองรับ 2 ที่นั่ง
บริเวณพื้นที่ด้านในสุด บริเวณพื้นที่ที่อยู่ติดกับส่วนของบานกระจกและพื้นที่ระเบียงด้านนอกของตัวห้องจะเป็นตำแหน่งของพื้นที่ Function : Living การจัดวาง Function Layout แบบนี้จะช่วยในเรื่องของแสงสว่างให้กับเวลาที่เราอยู่อาศัยจริงในพื้นที่ Function : Living ที่ถือว่าเป็น Function หลักของ Unit Plan นี้อย่างลงตัวที่สุดนะครับ
ส่วนของพื้นที่ Function : Bedroom จะอยู่บริเวณด้านในของตัวห้อง โดยการแบ่งพื้นที่ระหว่างพื้นที่ Function : Bedroom กับ Living ในโครงการคอนโดมิเนียม ระดับ Luxury จะเน้นใช้เป็นผนังทึบนะครับ แต่ด้วยความที่มีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่และความสูง Floor To Ceiling 3 เมตร ทำให้บรรยากาศโดยรวมภายในพื้นที่ Function นี้ไม่รู้สึกถึงความอึดอัดคับแคบแต่อย่างใด
ส่วนของพื้นที่ Function : Bathroom จะเป็นรูปแบบ Sexy Bathroom นะครับ ภายในจะถูกจัดวางมาเป็นแบบ 4 Fixtures ส่วนของพื้นที่บริเวณด้านหน้าของ Function : Bathroom จะจะวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง และอีกฝั่งหนึ่งจะเป็นส่วนของ Build In ตู้เสื้อผ้า ( Build In เสื้อผ้า เป็นมาตราฐานของทางโครงการ) ซึ่งก็ Build In ออกมาได้ดูลงตัวกับพื้นที่ในส่วนนี้ได้ดีเลยครับ
ห้องตัวอย่างแบบที่ 2 คือ Unit Plan 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 52.50 Sq.m. สำหรับ Unit Plan นี้จะเป็น Unit Plan แบบ 1 Bedroom ที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโครงการนี้นะครับ และด้วยความที่มีขนาดพื้นที่เพิ่มมากขึ้น การออกแบบและจัดวาง Function Layout ในส่วนพื้นที่ต่างๆภายในห้องจึงทำออกมาได้ดูลงตัวมากยิ่งขึ้น
โดยหลักๆแล้วความแตกต่างในส่วนของ Function Layout ของห้องตัวอย่างทั้ง 2 แบบนี้ ก็คือส่วนของพื้นที่ Function : Kitchen + Dining + Living ส่วนของ Function : Bedroom + Bathroom นั้น ทั้งเรื่องของขนาดพื้นที่ และ Function Layout จะเหมือนกันเลยไม่มีความแตกต่างกันนะครับ
เมื่อเราเปิดประตูห้องเข้ามาจะรู้สึกถึงความแตกต่างได้เลยจากความกว้างของ Space ของพื้นที่ Function : Function : Kitchen + Dining + Living โดยส่วนของ Dining หรือ โต๊ะทานข้าวจะถูกจัดวางมาเป็นแบบ 4 ที่นั่ง และตั้งรวมกันอยู่ในพื้นที่ส่วนของ Function : Kitchen
ส่วนของพื้นที่ Function : Kitchen จะถูกจะวางเป็นแบบ L – Shape เข้ามุม และเป็น Open Kitchen ซึ่งส่วนตัวและสำหรับผม … ผมชอบการจัดวาง Function Layout แบบนี้มากกว่าห้องตัวอย่างแบบแรกที่านำเสนอไปนะครับ เพราะทำให้ภาพรวม First Impression เวลาที่เราเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วทำให้ห้องดูกว้างและรู้สึกถึงความโปร่งโล่งได้มากกว่า
ส่วนของพื้นที่ด้านในสุดก็ถูกจัดวางให้เป็นพื้นที่ของ Function : Living เช่นกันครับแต่ได้ความรู้สึกในการอยู่อาศัยที่กว้างกว่ากันเยอะมากๆครับ จากขนาดของพื้นที่ห้องที่มีขนาดมากกว่าห้องตัวอย่างแบบแรก
ส่วนของพื้นที่ Function : Bedroom + Bathroom และส่วนพื้นที่ด้านหน้า Bathroom ของ Unit Plan นี้ทั้งขนาดและการจัดวาง Function จะเหมือนกับห้องตัวอย่างแบบแรกที่นำเสนอไปนะครับ
บทสรุปจากการวิเคราะห์ในส่วนของห้องอย่างทั้ง 2 ห้อง (Unit Plan 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 46.50 Sq.m. และ 52.50 Sq.m.) : โดยส่วนตัวผมเองนะครับ … ผมชอบการจัดวาง Function Layout ของ Unit Plan 1 Bedroom 52.50 Sq.m. มากกว่า Unit Plan 1 Bedroom 46.50 Sq.m. เหตุผลคือ First Impression เวลาที่เราเปิดประตูห้องเข้ามามันได้ความรู้สึกว่าห้องดูกว้างและดูดีมากกว่า และเวลาที่เราอยู่อาศัยจริงภายในห้อง Function : Living น่าจะเป็น Function หลักที่เราจะใช้เวลาอยู่อาศัยในพื้นที่ Function นี้มากที่สุดในแต่ละวัน …
แต่สิ่งที่จะตามมาจากความดีงามของ Unit Plan ดีๆแบบนี้นั้นก็คือราคาจะสูงกว่าเพราะมีขนาดพื้นที่ที่เพิ่มมากขึ้นนั้นเองครับ
2 Bedrooms 2 Bathrooms ขนาดพื้นที่ 75.50 – 84.40 ตร.ม.
Penthouse ขนาดพื้นที่ 104.50 – 195.50 ตร.ม.
Floor Plan : ยูนิตพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 10 โดยจะมีจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดเพียง 12 ยูนิตเท่านั้น และการออกแบบ Floor Plan ทำออกมาเป็น Single Corridor ทั้งหมด
Facilities :
The ESSE court, 1,000 sq.m. garden Locker for superbike accessories, central storage for golf bag and suitcase Sculpture court Sky panoramic pool with kids pool, lap pool and jacuzzi Sky gym and golf simulator The ESSE residences lounge Reading chamber, business center and board room (size S, M, L) Skyscraper deck
ที่จอดรถ : รองรับสำหรับ Super Car และ Big Bike ประมาณ 102 % (รวมจอดซ้อนคัน)
ค่าส่วนกลาง / เงินกองทุน : 80 / 800 บาทต่อตร.ม.
ราคาเริ่มต้น : 9.59 ล้านบาท*
ก็จะประมาณนี้นะครับสำหรับบทความ Open House : The Esse Asoke by Singha Estate โครงการคอนโดมิเนียม Luxury พร้อมอยู่ โครงการแรกภายใต้แบรนด์ The Esse จากทาง Singha Estate หนึ่งในโครงการที่ผมมองว่าน่าจะตอบโจทย์ความเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในระดับ Luxury และ ความเป็นที่อยู่อาศัยในทำเลอโศกได้อย่างแท้จริง
สำหรับใครที่กำลังสนใจหรือกำลังมองหาที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียม ระดับ Luxury ทำเลโครงการตั้งอยู่ใจกลางเมืองอย่างทำเล อโศก ผมแนะนำเลยว่าโครงการนี้ คืออีกหนึ่งโครงการที่คุณควรจะหาเวลาแวะไปชมก่อนตัดสินใจเลือกโครงการใดนะครับ และสำหรับใครที่มีคำถามหรือข้อสงสัยในเรื่องต่างๆ ของโครงการนี้ก็สามารถพิมพ์มาพูดคุยกับผมผ่านทางช่องทาง Inbox ได้เช่นเคยนะครับ
เพิ่มเติม …
The Esse Asoke by Singha Estate I Ready To Move In
Exclusive Offer – Valued Up To 1 MB* – 1 Bed 45 Sq.m.On Upper Floor
Register : http://www.singhaestate.co.th/condominium/theesseasoke/en/index.php
Call . 1221
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม