นิยามความเป็นที่อยู่อาศัยในระดับ Luxury ให้กับโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ทุกคนจะวัดจากอะไรกับบ้าง … แบรนด์ [ Developer ] , ทำเล , วัสดุและการออกแบบที่เน้นความหรูหรา หรือ ราคา ?
สำหรับผมแล้ว … นิยามความเป็นโครงการบ้านเดี่ยวในระดับ Luxury ที่จะตอบโจทย์ Real Demand ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยบ้านเดี่ยว Luxury ในระดับราคา 30 ล้านบาทขึ้นไป ว่าจะต้องมีรูปแบบการพัฒนาตัวโครงการออกมาหน้าตาประมาณไหนถึงจะคู่ควรกับความเป็นที่อยู่อาศัยที่ดีในระดับราคานี้ หลักๆผมจะมองเรื่องของปัจจัยอะไรบ้างในการประกอบการตัดสินใจ
1 . การออกแบบในส่วนของตัวบ้าน และการออกแบบจัดสรรพื้นที่ Function ต่างๆภายในที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยรองรับการอยู่อาศัยร่วมกันของความหลากหลาย Generation
2. ตอบโจทย์ความเป็น Private Residence จากความเป็นส่วนตัวและจำนวนความหนาแน่นของยูนิตการอยู่อาศัยภายในโครงการ
3. การออกแบบและจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ Facilities Area ถนนหลักภายในโครงการ และ ระบบสายไฟในโครงการ
*** ส่วนเรื่องของแบรนด์ ทำเล และ ราคา อันนี้ผมมองว่าขึ้นอยู่กับการยอมรับของแต่ละบุคคล ดังนั้นผมคงไม่สามารถเดาใจการยอมรับของแต่ละคนได้ผมจึงจะไม่นำปัจจัยเรื่องของทำเลและราคามาใช้ประกอบการตัดสินใจในการยอมรับนะครับ
แต่ก็ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันทำเลที่กำลังได้รับความนิยมและเรามักจะได้เห็น Developers หลายๆเจ้าหันมาให้ความสนใจในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในระดับ Luxury กันมากขึ้น ในทำเลดีๆใกล้เมืองเดินทางสะดวก อย่างทำเล พระราม 9 , กรุงเทพฯกรีฑา หรือ บางนา ซึ่ง 3 ทำเลนี้ ถือว่าเป็นทำเลยอดนิยมและกำลังได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากๆ
จากความที่ทั้ง 3 ทำเลนี้ ถือว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพมากๆในโซนกรุงเทพตะวันออก จากทั้งเรื่องของการเดินทางเข้าออกในเมืองที่สะดวก และยังเป็นทำเลที่รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ทั้งแหล่งงาน Office Building สถานศึกษา โรงพยาบาลชั้นนำ แหล่งช็อปปิ้ง Lifestyle หลากหลาย แถมยังใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ อีกด้วยนั่นเองครับ
ดังนั้นถ้าหากเรายึดทำเลในโซนนี้เป็นหลักในการมองหาที่อยู่อาศัยในรูปแบบของโครงการที่มี Concept การพัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวในระดับ Luxury ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งเรื่องของการออกแบบ Function พื้นที่ต่างๆภายในตัวแบบบ้านและได้ความเป็น Private Residence กับจำนวนยูนิตในโครงการที่มีจำนวนยูนิตไม่เยอะ ผมว่าผมมีหนึ่งในโครงการที่มีความน่าสนใจและอยากจะขอพาทุกคนไปชมกันในบทความนี้
นั่นก็คือโครงการ THE ONE Signature BANGNA – RAMA 9 จากทางบริษัท นัมเบอร์วันเฮ้าส์ซิ่ง ดิเวลลอปเม้นท์ ซึ่งเป็น Developer ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในโซนกรุงเทพตะวันออกมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี ดังนั้นเรื่องของความเข้าใจในการพัฒนาโครงการเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการในการอยู่อาศัยของคนในพื้นที่โซนนี้น่าจะไม่มีข้อสงสัย
โดยโครงการใหม่ล่าสุดอย่างโครงการ THE ONE Signature BANGNA – RAMA 9 จะเป็นการพัฒนาโครงการภายใต้ Concept ” PORTAL TO YOUR UNIVERSE – เปิดโลกในแบบที่เป็นคุณ ” เพื่อตอบโจทย์คนเมืองยุคใหม่ที่ ‘บ้าน’ เป็นได้มากกว่าบ้านที่ไม่ได้ตอบโจทย์เฉพาะแค่การอยู่อาศัย แต่ต้องรองรับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องเป็นได้ทั้งโฮมออฟฟิศ ที่พักผ่อน ที่สังสรรค์ และ สเปซที่จัดสรรฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างลงตัวสำหรับทุกคนในครอบครัว
กับโครงการนี้ที่นำเสนอการพัฒนาตัวบ้านในโครงการให้เป็นแบบบ้านหรู 3 ชั้น ที่ออกแบบและจัดสรร Function ให้ทุกพื้นที่ภายในตัวบ้านสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันและเชื่อมโยงถึงกันได้ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่รองรับสมาร์ตโฮมและระบบความปลอดภัยสูงสุดเพื่อความสบายใจของลูกบ้าน พร้อมความเป็น Private Residence เอ็กซ์คลูซีฟเพียง 71 ยูนิตในราคาเริ่มต้นเพียง 28 – 40 ล้านบาท*
โดยเนื้อหาของบทความนี้ผมจะขอพาทุกคนไปชมและวิเคราะห์ Function Layout ของบ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น ทั้ง 2 แบบของโครงการนี้กันว่าบ้านแต่ละแบบจะมี Function Layout ที่แตกต่างหรือมีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหนและจะตอบโจทย์สำหรับใครกันนะครับ
TRENDA l Pool Villa [ พื้นที่ใช้สอย 560 ตร.ม. ]
Function : 4 Bedrooms [ 1 Master Suite & 1 Semi – Master Suite ] + 6 Bathrooms + 2 Living Rooms + Family Room + Multipurpose Room + Private Elevator + Kitchen + Private Pool + Maid Room
Parking Lots : 4 Cars
Land : 87.4 – 135.3 SQ.W.
เมื่อเราเดินผ่านประตูทางเข้าหลักของตัวบ้านเข้ามาด้านใน เราจะพบกับพื้นที่ Fuction ส่วนแรกซึ่งจะเป็นส่วนของพื้นที่ Foyer ตำแหน่งพื้นนี้ไว้รองรับสำหรับการ Built In ในส่วนของตู้เก็บของและชั้นวางรองเท้า และเป็นทางเดินหลักก่อนเข้าสู่พื้นที่ต่างๆภายในตัวบ้าน
เมื่อเดินเข้ามาด้านใน บริเวณพื้นที่ Function ที่อยู่ด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนของพื้นที่ Function : Multipurpose Room ที่ภายในจะมี Function : Private Bathroom ในตัว และอีกหนึ่งจุดเด่นของพื้นที่ในส่วนนี้คือความโปล่งโล่ง เพราะเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อเข้าออกได้จากบริเวณด้านหน้าของตัวบ้านและด้านหลังที่เป็นส่วนของพื้นที่สระว่ายน้ำด้านใน แถมยังสามารถเปิดให้พื้นที่นี้เป็นส่วนของพื้นที่ Open Air ได้อีกด้วย
ดังนั้นในส่วนของพื้นที่ Function : Multipurpose Room เอาเข้าจริงจะเป็นส่วนของพื้นที่ Function ที่ผู้อยู่อาศัยสามารถปรับให้สอดคล้องการใช้งานพื้นที่ได้หลากหลาย จะทำพื้นที่ในส่วนนี้ให้เป็นห้องรับรอง , Game Room , Mini Bar ตามแบบบ้านตัวอย่าง หรือจะปรับให้เป็นพื้นที่ Function : ห้องทำงานส่วนตัว ไปจนถึงปรับให้พื้นที่นี้กลายเป็นหนึ่งในพื้นที่ Function : Bedroom สำหรับแขกก็สามารถทำได้และดูลงตัวเช่นกัน
พื้นที่ในส่วนของ Function : Private Pool ด้านในของตัวบ้าน ทางโครงการจัดวางในส่วนขนาดของตัวสระมาให้ที่ขนาดประมาณ 4 x 7 ม. ซึ่งถือว่าเป็นขนาดพื้นที่ที่ใหญ่และสมสัดส่วนกับขนาดของตัวบ้าน ทำให้พื้นที่ในส่วนนี้ดูมีความลงตัวและตอบโจทย์การใช้งานได้จริง
ส่วนของพื้นที่ด้านข้างสำหรับแปลงบ้านหลังไหนที่มีขนาดของที่ดินที่กว้าง เราก็สามารถนำพื้นที่สวนด้านข้างมาตกแต่งเป็นศาลานั่งพักแบบบ้านตัวอย่างนี้ก็ยิ่งเพิ่มความสวยงามและดูลงตัวกับพื้นที่ได้มากขึ้นอีกด้วยนั่นเองครับ
กลับเข้ามาที่ส่วนของพื้นที่ Function ด้านในของตัวบ้านกันต่อ … กับส่วนของพื้นที่ Function ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์หลักของตัวบ้านอย่างส่วนของพื้นที่ Function : Main Living โดยพื้นที่ในส่วนนี้จะประกอบไปด้วยส่วนของพื้นที่ Function : Living + Dining + Pantry และ Powder Room
โดยตำแหน่งการจัดวางส่วนของ Function : Living จะอยู่ในตำแหน่งที่ได้ความสูงแบบ Double Volume ทำให้เวลาที่เราอยู่อาศัยจริงหรือนั่งเล่นพักผ่อนในตำแหน่งนี้จะได้ความรู้สึกที่ดูแกรนด์และโปร่งโล่งมากเป็นพิเศษ
ส่วนของตำแหน่ง Function : Dining จะอยู่บริเวณด้านหลังของพื้นที่โซฟา เชื่อมต่อกับส่วนของพื้นที่ Function : Pantry และด้วยขนาดของพื้นที่บริเวณนี้ที่มีความกว้างมากพอดังนั้นจึงสามารถจัดวางในส่วนของโต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับคนในครอบครัวได้สูงสุดถึง 8 ที่นั่งได้แบบสบายๆและลงตัวกับพื้นที่เลยนั่นเองครับ
ส่วนของพื้นที่ Function : Kitchen ทางโครงการจะออกแบบพื้นที่ในส่วนนี้ให้เป็นพื้นที่ Function แบบครัวปิด ที่ภายในพื้นที่ในส่วนนี้ยังมีขนาดของพื้นที่ที่กว้างขวางเป็นสัดส่วนและสามารถระบายอากาศได้ดี โดยตำแหน่งของพื้นที่ในส่วนนี้จะถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกับส่วนของ Function : Pantry นั่นเองครับ
ส่วนของพื้นที่ชั้น 2 เมื่อเราเข้า Private Elevator ขึ้นมาที่ชั้นนี้ บริเวณพื้นที่ด้านขวามือจะเป็นส่วนของพื้นที่ Function : Family Room โดยจุดเด่นที่น่าสนใจของพื้นที่ในส่วนของ Function นี้ นอกจากจะขนาดของพื้นที่ใหญ่แล้วยังมีส่วนที่เชื่อมต่อกับ Terrace ขนาดใหญ่ด้านนอกที่สามารถมองลงไปเห็นส่วนของ Private Pool ด้านล่างของตัวบ้าน และภายในพื้นที่ในส่วนนี้ยังมีส่วนของ Pantry เล็กๆ ไว้รองรับให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวนั่งพักผ่อนทานขนม จิบชา กาแฟ หรือ เครื่องดื่มเย็นๆยามบ่ายของทุกคนในครอบครัวกันได้อีกด้วย
ส่วนของพื้นที่ Function : Master Bedroom ที่ต้องบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ Function หลักในการออกแบบที่มีความสำคัญมากๆสำหรับโครงการบ้านเดี่ยวในระดับราคานี้
โดยแบบบ้าน TRENDA ของโครงการนี้ก็ออกแบบพื้นที่ในส่วน Function นี้ออกมาได้มีเสน่ห์และมีความน่าสนใจมากๆเลยนะครับ จากการจัดสรรพื้นที่ในส่วนนี้ให้มีความอิมแพ็คของขนาดพื้นที่โดยรวมที่พิเศษกว่าพื้นที่อื่น โดยภายในจะประกอบไปด้วยส่วนของ Function : Master Bedroom ขนาดใหญ่ ที่รองรับทั้งพื้นที่การจัดวางส่วนของเตียงนอน และ พื้นที่นั่งเล่นไว้ภายในพื้นที่ในส่วนนี้ พร้อมระเบียงขนาดใหญ่
เพิ่มเติมส่วนของพื้นที่ Private Garden ที่ช่วยเพิ่มมิติช่องแสงและความโปร่งโล่งโดยรวมให้กับพื้นที่ บริเวณด้านหน้าส่วนของ Function : Private Bathroom จะเป็นส่วนของพื้นที่ Function : Walk In Closet ขนาดใหญ่ และ Private Bathroom ขนาดใหญ่เช่นกันที่มาเป็นแบบ 4 Features พร้อมอ่างอาบน้ำ Stand Alone ไว้ภายในพื้นที่ในส่วนของ Function : Master Badroom ของแบบบ้านหลังนี้
ส่วนของพื้นที่ชั้น 3 เมื่อเราเดินออกมาจากส่วนของ Private Elevator เราจะพบกับส่วนของพื้นที่ Function : Private Living บริเวณตรงกลางของพื้นที่ในส่วนนี้แม้ขนาดโดยรวมอาจไม่ใหญ่มากนัก เมื่อเทียบกับพื้นที่ Function : Living ตำแหน่งอื่นๆภายในตัวบ้าน แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้เพราะพื้นที่ในส่วนนี้น่าจะสำรองไว้สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยหลักในบริเวณชั้น 3 นั่นเองครับ
ส่วนของพื้นที่ Function : Semi – Master Suite จะเป็นส่วนของพื้นที่ Function : Bedroom ที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่พิเศษ ที่ภายในจะมีส่วนของพื้นที่ด้านหน้าบริเวณ Function : Private Bathroom ที่สามารถรองรับการ Built In ให้เป็น Walk In Closet เพิ่มเติมเข้ามาได้อย่างลงตัวกับพื้นที่โดยรวมของ พื้นที่ Function นี้
ส่วนของพื้นที่ Function : Bedroom 2 นอกจากจะได้พื้นที่ส่วนของระเบียงด้านข้าง ซ้าย ขวา จากตำแหน่งของเตียงนอน ที่จะทำให้พื้นที่โดยรวมของพื้นที่ Function นี้ดูโปร่งโล่งมากๆแล้ว ยังมีส่วนที่เป็นมุมการแต่งตัวที่เป็นสัดส่วนเพิ่มเติมเข้ามาด้วย
ส่วนของพื้นที่ Function : Bedroom 3 ขนาดพื้นที่โดยรวมทำออกมาได้ลงตัวแม้จะถือว่าเป็นพื้นที่ Function : Bedroom ที่มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดของแบบบ้าน TRENDA ก็ตาม แต่ภายในก็ยังคงได้ความเป็นส่วนตัวจากการมีส่วนของพื้นที่ Function : Private Bathroom เช่นเดียว
บทสรุปและมุมมองภาพรวมของแบบบ้าน TRENDA l Pool Villa
โดยส่วนตัวผมชอบรายละเอียดการออกแบบและการจัดสรรพื้นที่ Function ต่างๆของแบบบ้าน TRENDA นี้มากๆ โดยเฉพาะส่วนของพื้นที่ Function : Master Bedroom ที่ทางโครงการให้ความสำคัญกับออกแบบพื้นที่ในส่วนนี้ให้ออกมาได้ดูแกรนด์และสัมผัสถึงการโฟกัสในการอยู่อาศัยที่เป็นส่วนตัวของพื้นที่การอยู่อาศัยของเจ้าของบ้านได้ดีมากๆ
ส่วนของพื้นที่ Function : Main Living ที่บริเวณชั้นหนึ่ง ถือว่าทางโครงการออกแบบพื้นที่ในส่วนนี้ออกมาได้ตอบโจทย์การใช้งานของพื้นที่ได้อย่างลงตัว ทั้งความโปร่งโล่งในส่วนของพื้นที่ที่ได้ความสูงเพดานเป็นแบบ Double Volume และการเปิดรับวิวจากด้านข้างของพื้นที่ที่ได้วิวในตำแหน่งที่ขนานไปกับตัว Private Pool ทำให้ภาพองค์รวมของพื้นที่ในส่วนนี้เวลาที่เราอยู่อาศัยจริงดูร่มรื่นโปร่งโล่งและสดชื่นในเวลาเดียวกัน ซึ่งทำให้พื้นที่ในส่วนของ Function นี้น่าจะถือว่าเป็นอีกหนึ่งมุมไฮไลท์ที่สามารถต้อนรับแขกหรือเป็นมุมผักผ่อนที่ดีของผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านหลังนี้ [ หมายเหตุ : ผมมองว่าขนาดของตัว Private Pool ที่ทางโครงการเลือกใส่มาให้ช่วยขับความดีงามของพื้นที่นี้ออกมาได้ดีมากๆ ]
VENTI l Garden Villa [ พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม. ]
Function : 4 Bedrooms + 5 Bathrooms + 2 Living Rooms + Family Room + Multipurpose Room + Private Elevator + Kitchen + Private Pool + Maid Room
Parking Lots : 3 Cars
Land : 66.9 – 91.2 SQ.W.
สำหรับแบบบ้าน VENTI l Garden Villa หากเราดูจากชื่อเรียกของแบบบ้าน ผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะคาดหวังหรือโฟกัสที่แบบบ้านนี้จะเน้นสัดส่วนของพื้นที่สวนภายในตัวบ้านขนาดใหญ่พิเศษรึเปล่า?
ก็ต้องบอกก่อนเลยว่าแบบบ้านหลังนี้จะไม่ได้ออกแบบมาให้มีพื้นที่สวนขนาดใหญ่มากนัก เพราะทางโครงการเลือกจะโฟกัสในส่วนของการใช้พื้นที่ดินไปกับการออกแบบตัวบ้านเป็นหลักแทน เพื่อให้ตอบโจทย์ Function ในการอยู่อาศัยมากกว่า แต่การที่ทางโครงการเลือกจะใช้ชื่อแบบบ้านเป็น VENTI l Garden Villa ก็เพราะการออกแบบของตัวบ้านหลังนี้จะเน้นให้มีพื้นที่ Function หลักต่างๆของตัวบ้านเปิดรับวิวพื้นที่สวนส่วนตัวที่อยู่ด้านในให้ได้ความอิมแพ็คให้ได้มากที่สุดแทนนั่นเองครับ
ดังนั้นในส่วนของพื้นที่ Function : Living และ Dining ของแบบบ้าน VENTI หลังนี้นอกจากจะได้ความกว้างของพื้นที่ที่มากกว่าแล้ว ในส่วนของพื้นที่เปิดโล่งของความสูงเพดานที่เป็น Double Volume ก็จะมีพื้นที่โปร่งโล่งที่กว้างและได้ความอิมแพ็คแบบสุดๆไปเลยนะครับ … เปิดประตูเข้ามาด้านในพื้นที่ในส่วน Function นี้หลายคนน่าจะร้อง ว้าววว… แบบผม
ส่วนของพื้นที่ Function : Multipurpose Room ของแบบบ้านหลังนี้ก็ยังคงมีเช่นเดียวกัน แต่ขนาดของพื้นที่จะมีขนาดที่เล็กลง ทำให้ต้องตัดส่วนของพื้นที่ Function : Bathroom ออกไป และจะเป็นพื้นที่ Function ก็เชื่อมต่อกับส่วนของพื้นที่ Function : Living หลัก และบริเวณด้านหน้าตัวบ้านกับส่วนด้านหลังที่เป็นพื้นที่ Garden ด้านในตามภาพประกอบด้านบนเลยนะครับ
ส่วนของพื้นที่ Function : Kitchen จะได้เป็นรูปแบบของ Function ครัวปิดเช่นเดียวกัน โดยขนาดของพื้นที่ Function นี้ก็จะมีการปรับสเกลให้มีขนาดพื้นที่เล็กลงมานิดหน่อยให้เหมาะสมกับพื้นที่โดยรวมของตัวบ้าน แต่ในภาพรวมผมก็ยังคงรู้สึกว่าพื้นที่ในส่วน Function นี้ก็ดูลงตัวดีไม่ได้ดูคับแคบหรือเล็กจนอึดอัดอะไรนะครับ
ส่วนของพื้นที่ชั้น 2 เมื่อเราเข้า Private Elevator ขึ้นมาที่ชั้นนี้ บริเวณพื้นที่ด้านขวามือจะเป็นส่วนของพื้นที่ Function : Family Room เช่นเดี่ยวกัน โดยภายพื้นที่ในส่วนนี้จะไม่มีส่วนของ Function : Pantry ภายใน และ พื้นที่ Terrace ที่ยื่นออกไปด้านนอกเหมือนกับของแบบบ้าน TRENDA นะครับ
ส่วนของพื้นที่ Function : Master Bedroom ของแบบบ้าน VENTI ทางโครงการจะออกแบบให้มีความคอมแพคมากขึ้น โดยสำหรับพื้นที่ Function นี้จะประกอบไปด้วยส่วนของพื้นที่ Function : Master Bedroom + Walk In Closet + Private Bathroom และระเบียงด้านข้าง
ในส่วนของการออกแบบและจัดสรรส่วนของพื้นที่ Function : Walk In Closet ของแบบบ้าน VENTI ทางโครงการเลือกที่จะพยายามออกแบบและให้ความสำคัญกับสัดส่วนของพื้นที่ให้มีลงตัวมากที่สุด ดังนั้นขนาดของพื้นที่ในส่วนนี้จึงไม่ได้มีการบีบอัดสเกลแต่อย่างใดทำให้ภาพรวมของความแกรนด์ของพื้นที่ Function นี้ทำออกมาได้ลงตัวและดูดีมากๆเลยครับ
ส่วนของพื้นที่ Function : Private Bathroom ภายในจะได้เป็นแบบ 4 Features และจัดวางส่วนของอ่างอาบน้ำมาเป็นแบบ Stand Alone เช่นเดี๋ยวกัน แต่มีการเพิ่มในส่วนของพื้นที่ Function : Private Garden มาด้านข้างทำให้เป็นการช่วงเพิ่มช่องแสงและได้ความร่วมรื่นจากพื้นที่สีเขียวจากพื้นที่สวนในตำแหน่งนี้ … ถือว่าทางโครงการออกแบบและคิดมาแบบครบทำให้ภาพรวมของพื้นที่ Function นี้ออกมาดูดีลงตัวมากๆครับ
ส่วนของพื้นที่ชั้น 3 เมื่อเราเดินออกมาจากส่วนของ Private Elevator เราจะพบกับส่วนของพื้นที่ Function : Private Living บริเวณตรงกลางของพื้นที่ในส่วนนี้ โดยบริเวณพื้นที่ด้านข้างจะมีส่วนของระเบียงที่เราจะสามารถออกไปด้านนอกเพิ่มเติมเข้ามาให้ ถึงแม้ภาพรวมของพื้นที่ในส่วนนี้จะดูมีขนาดที่เล็กลงแต่ก็เป็นไปตามสัดส่วนของพื้นที่รวมของตัวบ้านนั่นเองครับ
และในส่วนของพื้นที่ชั้น 3 ของแบบบ้านนี้ ทางโครงการก็ยังมีการแบ่งส่วนของพื้นที่เป็น Function : Bedroom อีก 3 ห้องเช่นเดียวกัน โดยทั้ง 3 แม้จะมีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกันแต่ในรายละเอียดจะมีความพิเศษในแต่ละห้องที่แตกต่างกันนิดหน่อยนะครับ
ส่วนของพื้นที่ Function : Bedroom 2 จะเป็น Function ห้องที่มีความโดดเด่นและแตกต่างมากที่สุด จากการที่ได้ระเบียงด้านข้างของตำแหน่งการวางเตียงนอนทั้ง 2 ข้าง ทำให้เวลาที่อยู่อาศัยจริงภายในพื้นที่ Function นี้เราจะได้ความรู้สึกที่โปร่งโล่งที่มากกว่าครับ
ส่วนของพื้นที่ Function : Bedroom 3 และ 4 ผมมองว่า … มีภาษีและสัดส่วนของพื้นที่พอๆกันทั้ง 2 ห้อง แต่ในส่วนของพื้นที่ Function : Bedroom 4 จะได้ส่วนของพื้นที่ในการวางตำแหน่งตู้เสื้อผ้าที่มากกว่าทำให้ได้ความรู้สึกเป็นพื้นที่ Walk In Closet เพิ่มเข้ามานั่นเองครับ
บทสรุปและมุมมองภาพรวมของแบบบ้าน VENTI l Garden Villa
ด้วยขนาดของพื้นที่ดินและพื้นที่ใช้สอยภายในตัวบ้านที่มีขนาดที่เล็กลง ทำให้สัดส่วนของพื้นที่ในหลายๆ Function ต้องมีการตัดลดหรือลดทอนไปบ้าง ซึ่งอันนี้เราเข้าใจได้เนอะ …
แต่ในมุมมองของผมแบบบ้าน VENTI เองก็ยังคงมีมุมของการออกแบบที่แตกต่างและมีความน่าสนใจไม่แพ้กันนะครับ โดยเฉพาะกับการออกแบบพื้นที่ในส่วนของ Function : Main Living ที่นอกจากจะได้ความกว้างโดยรวมของพื้นที่ที่มากกว่าและมีความอิมแพ็คแล้ว ในส่วนของพื้นที่เปิดโล่งจากความสูงของเพดานแบบ Double Volume ที่เปิดกว้างมากกว่าแบบบ้าน TRENDA อยู่เยอะพอสมควรก็น่าจะทำให้แบบบ้านนี้ดูมีความน่าสนใจเช่นกันนะครับ
TRENDA l Pool Villa VS VENTI l Garden Villa แบบบ้านทั้ง 2 แบบของโครงการ THE ONE SIGNATURE BANGNA – RAMA 9 นี้เหมาะสมและตอบโจทย์สำหรับใคร ?
TRENDA l Pool Villa : ผมมองว่าเป็นแบบบ้านที่จะตอบโจทย์สำหรับใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใน Scale ของครอบครัวใหญ่ที่เป็นการอยู่อาศัยร่วมกันในหลากหลาย Generation และผู้เป็นเจ้าของบ้านให้ความสำคัญกับพื้นที่ Function : Master Bedroom ที่ต้องการขนาดของพื้นที่ที่ได้ความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า … ส่วนของพื้นที่ Private Pool มีไว้สำหรับรองรับกิจกรรมของบุตรหลาน
VENTI l Garden Villa : ผมมองว่าเป็นแบบบ้านที่จะตอบโจทย์สำหรับใครที่มองหาที่อยู่อาศัยที่เน้นความคอมแพคและตอบโจทย์ Function การใช้งานพื้นที่ แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับความแกรนด์ของพื้นที่ Main หลักที่เป็นไฮไลท์ของตัวบ้านอย่างพื้นที่ Function : Main Living ที่ถือว่าแบบบ้านนี้ทำออกมาได้น่าสนใจและมีจุดเด่นไม่แพ้กัน
ในส่วนของ Facilities Area หรือ พื้นที่ส่วนกลางภายในตัวโครงการนี้ ทางโครงการได้ทำการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางในส่วนต่างๆให้ออกมาอย่างพิถีพิถันในมาตราฐานระดับพรีเมียมแบบเดียวกับโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Luxury อาทิ
คลับเฮ้าส์สุดพรีเมียมขนาดใหญ่ 2 ชั้นที่ถูกออกแบบให้มีทั้งพื้นที่ต้อนรับแขกสามารถรองรับการจัดปาร์ตี้ พร้อมฟิตเนสและสระว่ายน้ำขนาดใหญ่
Junior Club พื้นที่ที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้รองรับสำหรับกิจกรรมของน้องๆหนูๆทั้งในรูปแบบของ Indoor และ Outdoor ให้ได้มีพื้นที่ไว้เล่นสนุกได้อย่างสร้างสรรค์
ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางเพิ่มเติมที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการใช้งานในแต่ละพื้นที่อย่างพื้นที่ ไพรเวตซาลอน , โคเวิร์กกิ้งสเปซ และห้องประชุมส่วนตัว ทางโครงการก็ได้ออกแบบพื้นที่เหล่านี้ให้แยกออกมาอยู่บริเวณด้านข้างเพื่อได้ความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้นนั่นเองครับ
ส่วนของพื้นที่สีเขียวภายในโครงการนอกเหนือจากการจัดวางต้นไม้ใหญ่ไว้สองข้างทางถนนหลังโดยรอบของโครงการแล้วทางโครงการยังมีพื้นที่ Grand Park สวนด้านในของโครงการที่มีขนาดใหญ่กว่า 1.12 ไร่พร้อมลานวิ่งมาตรฐานให้ลูกบ้านได้ใช้เป็นพื้นที่เดินเล่น-ออกกำลังกายและทำกิจกรรมในครอบครัวกันได้อย่างเต็มที่
เมื่อคุณอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ จากทั้ง Concept การพัฒนาของโครงการกับการออกแบบ Function ของบ้านทั้ง 2 แบบ และ พื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดของโครงการนี้ คำถามที่ตามมา …
แล้วโครงการ THE ONE Signature BANGNA – RAMA 9 จากทางบริษัท นัมเบอร์วันเฮ้าส์ซิ่ง ดิเวลลอปเม้นท์ คือ โครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury ที่น่าสนใจมั้ยในมุมมองของผม ?
ในมุมมองของการออกแบบของแบบตัวบ้านทั้ง 2 หลัง ของโครงการนี้ ผมมองว่าทางโครงการมีความเข้าใจถึงพฤติกรรมและความคาดหวังในการอยู่อาศัยของ Real Demand กลุ่มนี้มากๆเลยนะครับ ในส่วนของการออกแบบก็มีกลิ่นอายความเป็น Quiet Luxury ที่ไม่ได้ตอบโจทย์แต่เพียงเรื่องของความหรูหรา แต่ในรูปแบบของ Function การใช้งานพื้นที่ต่างๆก็ทำออกมาได้ลงตัวมากๆเช่นกัน
ส่วน Concept พื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ และ ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยในโครงการ ถือว่าทำออกมาได้ดีและมีความน่าสนใจเช่นกันครับ … แต่ผมโฟกัสและให้น้ำหนักกับการออกแบบ Function ของตัวบ้านมากกว่า … ดังนั้นสำหรับผม โครงการ THE ONE Signature BANGNA – RAMA 9คือหนึ่งในโครงการบ้านหรู 3 ชั้น ที่ผมชอบมากและถือว่าเป็นโครงการที่คุ้มค่ามากๆนะครับ
สุดท้ายนี้ … สำหรับใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่จะตอบโจทย์การเป็นโครงการบ้านเดี่ยวในระดับ Luxury บนทำเลศักยภาพอย่างโซนกรุงเทพตะวันออก โครงการ THE ONE Signature BANGNA – RAMA 9 นี้คือหนึ่งในตัวเลือกที่คุณต้องหาเวลาแวะเข้าไปชมโครงการให้ได้ก่อนการตัดสินใจซื้อนะครับ … และหวังเป็นอย่างสูงว่าคุณจะชอบและประทับใจโครงการนี้เหมือนผมกันนะครับ
เพิ่มเติม ….
THE ONE Signature BANGNA – RAMA 9
โครงการบ้านเดียวหรู 3 ชั้น ตอบโจทย์คนเมืองยุคใหม่กับความเอ็กซ์คลูซีฟเพียง 71 ยูนิต
ราคาเริ่มต้นเพียง 28 – 40 ล้านบาท*
ทำเลที่ตั้งโครงการ
ลงทะเบียนนัดหมายเข้าชมโครงการได้ที่ : www.theonesignature.com
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : 099-382-8899