ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แล้วหน้าต่างของคอนโดฯบอกอะไรเรา …
เคยสงสัยกันมั้ยว่าคอนโดมิเนียม ที่เราสนใจหรือจองไว้ เราจะรู้ได้ไงว่าอยู่เกรดไหน? Segment ไหน?
หรูไม่หรู อวดได้มั้ยยังไง …
ผมขอนำเสนอ หนึ่งวิธีที่ผมเอาไว้ประเมินแบ่งเกรด Segment ของคอนโดมิเนียมโครงการต่างๆ
บอกก่อนนะครับ ว่าเป็นเพียงวิธีการหนึ่งเท่านั้น ตัวชั่งตรวงวัดยังมีอีกหลายๆอย่าง ไว้จะหาประเดินมาเล่าให้ฟังในครั้งต่อไป …
“ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แล้วหน้าต่างของคอนโดฯบอกอะไรเรา … “
ใช่แล้วครับ ที่ผมหมายถึง คือ หน้าต่างของห้อง โดยเฉพาะห้องรูปแบบ 1 ห้องนอน ที่มักจะมีหน้าต่างในส่วนของห้องนอน
ต้องบอกก่อนว่า เน้นที่หน้าต่างนะครับ ไม่ใช่พวกประตูบานเลือนที่เชื่อมต่อ เพื่อออกไปในส่วนของพื้นที่ระเบียง แบบนั้นไม่นับนะครับ
โดยปกติหน้าต่างที่เป็นบานกระจก ก็จะมีขนาดมาตราฐาน ไม่ตายตัว แต่ที่ชอบใช้กันจะเป็นขนาดบาน : กว้าง 60 ซม. x สูง 110 ซม. (บานเลื่อน)
ซึ่งการพัฒนาคอนโดมิเนียม ในปัจจุบันที่ทำเลมีราคาสูงขึ้นๆทุกวัน Dev ส่วนใหญ่ก็จะเริ่มเน้น พัฒนายูนิตให้มีขนาดพื้นที่ ให้มีขนาดเล็กลง (ขนาดต่ำกว่า 25 ตร.ม.)
เพื่อช่วยเรื่องของ Package Price ไม่ให้สูงมากนัก แต่ก็ยังสามารถแบ่ง Function พื้นที่ในส่วนของห้องนอน และ ห้องนั่งเล่น ให้ออกมาเป็นแบบ 1 ห้องนอนได้
ซึ่งเมื่อออกแบบมาเป็นแบบ 1 ห้องนอน และจะให้ห้องดูโปร่งและมีแสงสว่างเพียงพอ หน้าต่างของห้องนอนถือว่ามีความสำคัญมากๆ
ซึ่งเราไม่สามารถจะอธิบายได้จากใน Unit Plan ได้ นอกเสียจากเราต้องไปสัมผัสบรรยากาศจริงจากห้องตัวอย่างของโครงการเท่านั้นถึงจะเห็นภาพชัดสุด
ซึ่งจากจุดนี้แหละ จึงเป็นที่มาในการนำเสนอในครั้งนี้ … ผมเชื่อว่าหลายคนที่อ่านมาถึงจุดนี้ เริ่มอยากรู้แล้วใช่มั้ย?
ว่าห้องที่ตัวเองอยู่ หรือ ห้องที่อยู่ใน Port ตอนนี้ มีหน้าต่างเป็นแบบไหนกันบ้าง ….
แบบที่ 1 (ต่ำกว่าล้าน)
แบบหน้าต่างสีขาว ธรรมดา จะมีขนาดเล็กหน้าบานเล็กที่สุด (กว้าง 60+60 ซม. x สูง 110 ซม.) คือแบบมาตราฐาน
แบบประมาณว่า แค่ให้มีช่องแสงก็พอ ส่วนใหญ่ คอนโดมิเนียม ที่ให้หน้าต่างแบบประมาณนี้ จะเป็นคอนโดมิเนียม ในระดับราคา <ล้าน นะครับ
แบบที่ 2 (1-3 ล้านบาท)
คือแบบ A B และ D คือเอาจริงๆ ทั้ง3 แบบไม่ค่อยต่างกันเท่าไรนะครับ วิธีการคือการเพิ่มช่องแสง โดยการเพิ่มกระจกบาน Fix ด้านล่างเข้ามาเพิ่ม
ถามว่าช่วยได้มั้ย? เอาจริงๆ ถ้าเปรียบ แรก ก็ถือว่าช่วยได้เยอะมากครับ ห้องจะโปร่ง ขึ้นเยอะมากๆครับ
ขอขยายรายละเอียดเพิ่มเติมครับ
แบบ A คือ บานกระจกด้านบน คือ บานเลื่อนทั้ง 2 บาน
แบบ B คือ บานกระจกด้านบน บานเล็ก 2 บานเป็นบานกระทุ้ง และบานใหญ่เป็น Fix
แบบ C คือ บานกระจกด้านบน บานเล็ก เป็นบานกระทุ้ง และ บานใหญ่เป็น Fix
ถ้าถามเรื่องผลลัพธ์ในส่วนของการรับแสง ไม่ต่างดังนั้นจะแบบไหนก็ไม่ต่างกันครับ
แบบที่ 3 (5-10 ล้านบาท)
แบบ E คราวนี้ความแพงไม่ได้อยู่ที่รูปแบบหรือความกว้างแต่เพียงอย่างเดียวแล้วครับ รูปแบบนี้ ปัจจัยความแพงของมันอยู่ที่ความสูงของห้อง
Floor To Ceiling : ยิ่งถ้ายูนิตแปลนไหนที่มีความสูงระดับ 3 เมตรอัพ ถือว่าแพงเลยครับแบบนี้
แบบที่ 4 (10 ล้านบาทอัพ)
แบบ C ต้องจัดเป็นรูปแบบที่เรียกว่า Wall Glass คือผนังเป็นแบบกระจกชิ้นเดียวทั้งชิ้น รูปแบบนี้ถือว่าเป็นรูปแบบที่จัดว่าแพงที่สุด หรูสุดๆเลยครับ
ที่จริงรูปแบบการจัดวางกระจก ก็มีความหลากหลายรูปแบบมากๆ ไม่มีอะไรตายตัวนะครับ
แต่ที่นำเสนอ เพื่อสร้างไอเดียความคิดในการมองโครงการคอนโดมิเนียมต่างๆ จะได้แบ่งเกรด แบ่ง Segment ในการเปรียบเทียบโครงการต่างๆกันได้ถูกต้อง
หลักการเปรียบเทียบ จริงๆ มันต้องแบบ Apples To Apples เพื่อจะได้มองภาพออกนะครับ
หมายเหตุ : เพิ่มเติมส่วนตัว บางครั้งกระจกของโครงการที่สร้างเสร็จ ก็บอกอะไรบางอย่างให้เราได้นะครับ รู้มั้ยว่าอะไร?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
จำนวน Real Demand และ Supply ยูนิตคงเหลือของโครงการนั้นๆไงครับ 555+
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ