Unit Recommended : The Reserve Sathorn by Pruksa Premium
ผมเชื่อว่าใครหลายๆคน ก็ล้วนแล้วแต่เคยเป็นเหยื่อของการตลาด โดยเฉพาะสาย Shopping สายเปย์ ที่อ่อนไหวกับตัวหนังสือหรือป้ายแดงๆที่แปะคำว่า Sale ตัวใหญ่ๆ ของอะไรที่มันเป็น Limited ของอะไรที่มันเป็น Collection พิเศษ ของอะไรที่มันเป็นของที่มันต้องมี เราก็มักจะอดใจไม่อยู่ ก็ต้องจัดกันไป แบบว่าพลาดไม่ได้ จริงมั้ย? เอาเข้าจริงผมก็เป็นคนหนึ่งที่คิดแบบนั้น แต่นั้นคือมุมมองในการเลือกซื้อของหรือสินค้าพวก แฟชั่น หรือ ของใช้ทั่วๆไป
แต่ในมุมของอสังหาฯ เราก็มักจะหลงไปกับคำว่า อนาคต หรือ การพัฒนาเติบโตในอนาคต ซึ่งจริงๆแล้วกว่าจะเกิดขึ้นจริงตามคำบอกเล่าของการตลาด หรือ ฝ่ายขายของแต่ละโครงการที่พยายามอัพ Value ให้กับโครงการของตนเอง อาจต้องใช้เวลา 3 – 7 ปี ซึ่งนั้นก็คือการคาดเดาอนาคต ซึ่งมันมีความเป็นไปได้ (อันนี้ไม่เถียง) แต่ในทางกลับกันก็อาจไม่เกิดขึ้นจริงตามที่หวังไว้ … อารมณ์แบบว่าการลงทุนมีความเสี่ยง
แบบที่มีอยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อนที่มีหลากหลาย Dev พยายามจะ Bold ว่าส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า สายสีต่างๆกำลังจะมา ตลาดมีความต้องการที่อยู่อาศัยเกาะแนวรถไฟฟ้า Dev ก็เร่งเปิดเร่งพัฒนาโครงการใหม่ๆเข้ามาถม Supply ในตลาด และปั่นกระแสกันไปให้เกิดความน่าสนใจในการลงทุน สุดท้ายทุกวันนี้ รถไฟฟ้ามาแล้ว แต่ Real Demand จริงยังไม่ตามมาเลยจนถึงปัจจุบัน
เพราะอะไร ? ทำไม Real Demand ถึงไม่ได้มาตามนัด ก็เพราะบ้านเมืองเรามันยังพัฒนาไม่ทัน หรือ ความเจริญ มันตามการขยับขยายของส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสู่รอบนอกไม่ทัน การพัฒนาส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า คือ การพัฒนาเรื่องของการขนส่งการเดินทาง เพื่อให้คนรอบนอกเดินทางเข้าเมืองสะดวกมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเอง
ซึ่งหัวใจจริงๆของคุณค่าของ อสังหาฯ นั้นคืออะไร ? คุณค่าที่แท้จริงของอสังหาฯนั้นก็คือ เรื่องของทำเลและทำเลที่ทรงคุณค่าสูงที่สุดในประเทศนี้ คงจะเป็นทำเลอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากทำเลที่เป็น CBD (Central Business District) อย่างทำเล สาทร สีลม วิทยุ หรืออย่าง พระรามสี่ ซึ่งด้วยความที่เป็นทำเลที่กล่าวมานั้น เป็นทำเลที่เป็นศูนย์การของธุรกิจ เศรษฐกิจ ก็ทำให้เราไม่ต้องลุ้นเลยว่าจะได้การยอมรับจาก Real Demand มั้ย? และด้วยคุณค่าของทำเลที่แทบจะต้องบอกเลยว่าเป็นทำเลที่มาราคาซื้อขายที่ดินติดอันดับแพงที่สุดของประเทศ
ดังนั้น โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆที่จะมาเปิดหรือพัฒนาในทำเลนี้ ก็คงหนีความเป็นโครงการในระดับ Luxury และโครงการที่ผมกำลังจะขอพูดถึงและนำมาเขียนบทความ Unit Recommended ในครั้งนี้ นั้นก็คือ โครงการ The Reserve Sathorn by Pruksa Premium ซึ่งก็ต้องบอกก่อนเลยว่า โครงการนี่คือโครงการคอนโดมิเนียมล่าสุดและแพงที่สุดเท่าที่ Pruksa เคยพัฒนามา
ซึ่งก่อนที่เราจะไปว่ากันถึง Unit Recommended : The Reserve Sathorn by Pruksa Premium ผมอยากให้เราไปดูกันว่า Pruksa ตีความความเป็นโครงการคอนโดมิเนียม Luxury ผ่านการพัฒนาโครงการนี้กันอย่างไร และ มันจะตอบโจทย์โดยใจคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในทำเลทรงคุณค่านี้ กับโครงการในระดับราคา 10 ล้านบาท ขึ้นไปได้มากน้อยแค่ไหน
Project Concept :
The Reserve Sathorn by Pruksa Premium โครงการที่จะเปิดประสบการณ์ชีวิตรูปแบบใหม่ในสองกาลเวลาที่ซ้อนทับกันอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งความคลาสสิค และความโมเดิร์น ผ่านงานออกแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ Modern Colonial โดดเด่นด้วยการออกแบบ landscape แบบ symmetrical balance ที่เน้นความสมมาตรอันงดงาม ประกอบกับการนำต้นหมาก และต้นพลูมาเป็นส่วนประกอบหลักสอดรับกับชื่อซอย “สวนพลู” และเป็นการสะท้อนบรรยากาศอาคารพักอาศัยแบบคหบดีของไทยในอดีต
Project Information :
ทำเลที่ตั้งโครงการ : ซอยสวนพลู ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ
โครงการอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญๆ เช่น BNH Hospital / King Chulalongkorn Memorial Hospital / Silom Complex / St. Joseph Convent School / Bangkok Christian College / Lumphini Park
ขนาดที่ดิน : 1 – 1 – 53.3 ไร่
ลักษณะโครงการ : อาคารชุดพักอาศัย High Rise 30 ชั้น + ใต้ดิน 2 ชั้น : 1 อาคาร
จำนวนยูนิต : 134 Units ( 4 – 8 ยูนิตต่อชั้น ให้ความเป็น Private Luxury ในการอยู่อาศัยแบบสุดๆ)
Unit Highlights :
– ที่สุดของความพิเศษ ทั้งโครงการมีเพียง 134 ยูนิต พร้อมคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว ของผู้พักอาศัย โดยแต่ละชั้นจะมีเพียง 4 – 8 ห้อง ด้วยแผนผังแบบ single-loaded-corridor เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้ชีวิตอีกระดับ
– โดดเด่นด้วยการออกแบบพิเศษ กับห้อง “Limited Crystal Unit” ห้องหัวมุมที่นำรูปแบบเรือนกระจก ยุคโคโลเนียล มาพัฒนาเป็น “Crystal Balcony” ช่วยเปิดมุมมองที่กว้างอย่างมีสไตล์
– ทุกยูนิตถูกออกแบบหน้าห้องให้กว้างเป็นพิเศษ เพื่อให้ทุกส่วนของการใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับวิวภายนอกได้ทั้งหมด พร้อมด้วยกระจก Full-Height Insulated Glass ที่เปิดมุมมองและสร้างบรรยากาศการอยู่อาศัยอย่างมีระดับ และช่วยกรองเสียงรบกวนและความร้อนจากภายนอก ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
– พิถีพิถันด้วยวัสดุที่นำมาสรรสร้าง โดยเลือกใช้เป็น All-European-Luxury-Brand ที่พร้อมทั้งการออกแบบที่มีเอกลักษณ์และคุณภาพการผลิตที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
Unit Type : ความสูง Floor To ceiling 3 เมตร
ในส่วนของการวิเคราะห์ Function ของแต่ละ Unit Plan ผมจะขอทำการวิเคราะห์ในส่วนของ Unit Plan ที่ผมจะทำการเลือกมาเป็น Unit Recommended สำหรับโครงการนี้เท่านั้นนะครับ โดย Unit Plan ที่ผมจะเลือกไว้ใน Unit Recommended : The Reserve Sathorn by Pruksa Premium นั้นก็คือ Unit Plan : 1 Bedroom Type A1 ขนาด 49.85 Sq.m. และ 2 Bedroom Crystal Type B8 ขนาด 104 Sq.m.
1 Bedroom (50 – 57 sq.m.)
สาเหตุที่ผมเลือก Unit Plan : 1 Bedroom Type A1 ขนาด 49.85 Sq.m. จริงๆประเด็นหลักคือเรื่องของตำแหน่งวิว ที่ตำแหน่ง Unit Plan นี้จะได้ ซึ่งเรื่องวิวค่อยไปอ่านต่อด้านล่างแล้วกันนะครับ เรามาว่ากันต่อในส่วนของ Function ของ Unit Plan นี้กันต่อ Unit Plan นี้ถือว่าเป็น Unit Plan ที่มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดของโครงการนี้ กับพื้นที่รวม 49.85 ตร.ม. แต่แม้จะเป็นขนาดที่เล็กที่สุดแต่ผมมองว่าเป็นขนาดที่คู่ควรกับการเป็น 1 Bedroom ของโครงการในระดับ Luxury แล้ว
เพราะเวลาใครพูดถึง Unit Plan 1 Bedroom ของโครงการในระดับ Luxury ผมจะนึกถึง Unit Plan ขนาด 45-55 ตร.ม. สำหรับโครงการอื่นๆที่มีขนาดยูนิตพื้นที่เริ่มต้นต่ำกว่านั้นผมจะไม่นับนะ
สำหรับ Unit Plan : 1 Bedroom Type A1 ขนาด 49.85 Sq.m. การจัดวาง Layout ของห้องจะเป็นแบบหน้ากว้าง ทำให้ในทุก Function จะมีบานกระจกในการช่วยเรื่องของการรับแสงสว่างและเพิ่มความโปร่งโล่งให้กับการอยู่อาศัย
เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาจะพบกับส่วนของ Function : Living ที่เชื่อมต่อกับส่วนของ Function : Kitchen ที่เป็น Kicthen แบบเข้ามุม แต่จะมีฉากกระจกกันเพื่อให้เป็น Function แบบครัวปิด และ เพิ่มความเป็นสัดส่วนให้กับพื้นที่ Function : Kitchen
ส่วนของ Function : Bathroom จะเป็นรูปแบบ 4 Fixture แยกเป็นสัดส่วนกันชัดเจนในส่วนของพื้นที่เปียก-แห้ง และพื้นที่ส่วนของทางเดินที่เชื่อมต่อระหว่าง Function : Living + Bathroom + Bedroom ก็ออกแบบ Layout ให้สามารถทำเป็นตู้เก็บเสื้อผ้า ให้อารมณ์ตู้เสื้อผ้าแบบ Walk in Closet
ส่วนของ Function : Bedroom เป็นพื้นที่รูปแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสเข้าใจง่าย ง่ายต่อการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ โดยเฉพาะกับพวกเฟอร์นิเจอร์ แกรนด์ๆ แบบเตียงนอน โดยขนาดพื้นที่รวมๆของ Function : Bedroom น่าจะอยู่ที่ประมาณ 20 ตร.ม. ขึ้นไป ซึ่งถือว่าใหญ่ และ แกรนด์มากๆ แถมด้วยความที่ Unit Plan นี้เป็นตำแหน่งหัวมุม ดังนั้น สำหรับ Function : Bedroom ก็จะได้บานกระจก 2 ด้าน ยิ่งเพิ่มความโปร่งโล่งเข้าไปอีก
ส่วนที่ดูจะลดบทบาทไปสำหรับ Unit Plan นี้ นั้นก็คือส่วนของ Function : ระเบียงของห้อง คือ ถ้ามองการใช้งานระเบียงสำหรับการซักล้าง หรือ ตากผ้าก็ดูตอบโจทย์ ไม่เด่นสะดุดตาจากภายนอก แต่ในทางกลับกัน คือการเสพวิวจากระเบียงอันนี้ตัดทิ้งได้เลยสำหรับ Unit Plan นี้ เพราะวิวที่คุณจะเสพในทุกๆเช้า คือวิวที่ดีที่สุดของ Unit Plan นี้แล้วครับ
1 Bedroom Crystal (56 sq.m.)
2 Bedroom (79 – 115 sq.m.)
2 Bedroom Crystal (104 sq.m.) ; Show Unit
สำหรับใครที่อ่านการวิเคราะห์ Unit Plan : 1 Bedroom Type A1 ขนาด 49.85 Sq.m. แล้วแบบว่า งง ไม่เห็นภาพตาม งั้นมาอ่านบทวิเคราะห์ Unit Plan : 2 Bedroom Crystal Type B8 ขนาด 104 Sq.m. อันนี้เลยน่าจะเห็นภาพได้มากกว่า เพราะ เป็น Unit Plan ที่ทางโครงการมีห้องตัวอย่างจริง ดังนั้นผมจะทำการวิเคราะห์พร้อมกับมีภาพประกอบในแต่ละ Function ที่มีความน่าสนใจให้ได้อ่านกันนะครับ
สาเหตุที่เลือก Unit Plan : 2 Bedroom Crystal Type B8 ขนาด 104 Sq.m. ส่วนหนึ่งเป็นเพราะที่โครงการมีห้องตัวอย่างจริงให้ได้ชมกัน ใครที่อยากจะเสพเรื่องของ Spec วัสดุที่โครงการนี้เลือกใช้ ว่าจะดีงามหรือหรูหรา ทรงคุณค่ากับความเป็นโครงการ Luxury ของ Pruksa มั้ย? ผมแนะนำว่าให้เข้าไปแวะชมที่โครงการเองเลยจะดีกว่านะครับ (สารภาพว่าพี่จำ Spec ที่โครงการเค้าให้มาไม่หมดจริงๆ)
เริ่มด้วยโถงทางเข้าห้องมาเลยนะครับ ซึ่งโดยปกติโครงการทั่วไปเราจะไม่ค่อยเห็นใครที่จะพูดถึง Function ในส่วนนี้มากนัก เพราะ ส่วนใหญ่ที่ให้ๆกันมามันไม่ได้อารมณ์ของความแกรนด์ หรือ หรูหราจริง แต่สำหรับ Unit Plan นี้ต้องบอกเลยว่ามันให้อารมณ์ความแกรนด์แบบสุดๆ กับโถงทางเข้าที่มีความกว้างเกือบ 2 เมตร
ส่วนของ Function : Kitchen เป็นการ Build In แบบครัวเข้ามุม วัสดุ หรือ อุปกรณ์ พวกเตาไฟฟ้าแบบ 4 หัว Hood ดูดควัน กระทั้งตู้แช่ไวน์ สำหรับ Unit Plan นี้ทางโครงการเค้าจัดให้ตามภาพห้องตัวอย่างด้านบนเลยครับ และพื้นที่ในส่วนนี้ยัง ฉากกันกระจกบานเลื่อน เพื่อเพิ่มความเป็นสัดส่วน และ ตัดปัญหาเรื่องของกลิ่นรบกวนส่วนของ Function อื่นๆ ในกรณีที่ประกอบอาหารหนักๆ
ส่วนของ Function : Living ที่ถือว่าเป็นศูนย์กลาง หรือ ใจกลางของ Unit Plan นี้ ขนาดพื้นที่รวมโดยไม่นับส่วนของ พื้นที่ Crystal Balcony ก็น่าจะอยู่ประมาณ เกือบๆ 30 ตร.ม. (พื้นที่ถือว่าใหญ่มากๆ) ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหาในการเลือกเฟอร์นิเจอร์ สวยๆ ลอยตัว มาใช้ในการตกแต่งภายใน Unit Plan นี้ โดยเฉพาะ โซฟาหนังสวยๆนำเข้าซักตัว ความฝันของคนอยากมีโซฟาสวยๆมันจะมาตกม้าตายตรงพื้นที่ห้องแคบไป ปัญหานั้นจะจบลงสำหรับ Unit Plan นี้
พื้นที่ Crystal Balcony : ทั้งโครงการจะมี Unit Plan ที่มี Function นี้ แค่เพียง 24 ยูนิตเท่านั้น สำหรับผู้หญิงสายหวาน ถ้าแต่ตามห้องตัวอย่างก็สวยเก๋ๆนะครับ เป็นมุมอ่านหนังสือยามเช้า ชิลๆ แต่หากผมมองในมุมผู้ชายไว้ทำงาน แต่พื้นที่ Function นี้เป็นห้องทำงาน ก็อลังการ และ เท่ห์ ไปอีกแบบ และเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยฉากกันกระจกบานเลื่อน
Funition : Bedroom ส่วนตัวแล้ว ผมชอบการออกแบบ Layout ของ Unit Plan ก็ตรงเรื่องของการจัดวางตำแหน่งของ Function : Bedroom ห้องนี้นี่แหละ เพราะ มันให้อารมณ์แบบการอยู่อาศัยแนวบ้านเดียว คือเราเปิดประตูห้องมาแล้วไม่ใช่เจอ Function : Living แล้วก็เจอประตูห้องนั้น ห้องนี้เต็มไปหมด คือ มันให้ความเป็นส่วนตัวกับทุกๆ Function จริงๆ
โดยตำแหน่งการวาง Funition : Bedroom จะเหมือนอยู่ด้านหลังของส่วน Function : Living คือถ้าไม่หันหลังกลับมาก็จะไม่เห็น และ เพิ่มอารมณ์ความแกรนด์กับ Function : Living ไปในตัว
ส่วนของ Function : Bathroom ของห้องนี้จะใช้ร่วมกันกับ Function : Living ด้านนอก แต่จะมีผนังฉากบานเลื่อน แบ่งกันเป็นสัดส่วนเพิ่มเข้ามาให้ ซึ่งดูแล้วลงตัวและน่าจะตอบโจทย์การใช้งานจริงได้ดีเลยทีเดียว
ส่วนของ Function : Master Bedroom จุดเด่นคือเรื่องของขนาดพื้นที่ห้อง และความเป็นส่วนตัวจากการที่มีพื้นที่ Function : Bathroom แยกออกมาเป็นส่วนตัวด้านใน โดยจะมีส่วนของพื้นที่ตู้เสื้อผ้าขั้นระหว่างกลาง บริเวณทางเดินได้อารมณ์ Walk in Closet
ส่วนของ Function : Bathroom ก็จะเป็นรูปแบบ 4 Fixture เพื่อแยกส่วนเปียก-แห้ง กันอย่างชัดเจน
2 Bedroom Duplex (126 sq.m.)
Floor Plan : ในแต่ละชั้นจะมียูนิตเพียง 4 – 8 ห้องเท่านั้น และแผนผังยังเป็นแบบ Single-Loaded-Corridor เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้พักอาศัยในแต่ละชั้น
Master Plan
10 – 28 FL. : Residential
29 – 30 FL. : Facilities Area
Facilities : ความหรูหราที่แท้จริงคืออิสระในการกำหนดจังหวะชีวิตด้วยตัวคุณเอง The Reserve Sathorn
กับการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ อย่างเข้าใจชีวิตคนเมืองโดยการผสานสองความแตกต่าง “ชีวิตที่เร่งรีบ” และ “ชีวิตที่ช้าลง” ให้อยู่รวมกันได้เป็นหนึ่งภายใต้โครงการนี้ ภายใต้บริบทของพื้นที่ย่านสาทรที่มีความเร่งรีบและสะดวกสบายทุกการเดินทาง คุณยังสามารถอิ่มเอมกับการใช้ชีวิตภายในโครงการที่ผ่อนคลาย เป็นส่วนตัว และไม่ต้องเร่งเร้าได้ตลอดเวลา
• Center Court Lobby – โถงต้อนรับที่ออกแบบให้โอบล้อมคอร์ทน้ำ ใจกลางโครงการ ให้เสียงและการเคลื่อนไหวของน้ำปรับบรรยากาศของทุกโสตประสาทให้ผ่อนคลายยิ่งขึ้น
• Private Spa & Salon – ห้องบริการสปาและซาลอนส่วนตัว ที่คุณสามารถนัดหมายเจ้าหน้าที่ส่วนตัวมาดูแลได้ถึงที่บ้าน
• Exclusive GYM with Yoga & Boxing Studio
• Crystal Lounge – ห้องรับรองในรูปแบบเรือนกระจกวิวเมืองที่ชั้นบนของโครงการ
• Colonial Thermal Sky Pool – สระว่ายน้ำระบบปรับอุณหภูมิ ที่ชั้นบนสุดของโครงการ พร้อม Jacuzzi ที่แยกเป็นมุมส่วนตัวอย่างเป็นสัดส่วน
• Concierge The Reserve Lounge
จำนวนที่จอดรถ : 100% ( Conventional Parking )
ค่าส่วนกลางและค่ากองทุน : 110 / 500 บาทต่อตร.ม.
ราคาเริ่มต้น : 13 ล้านบาท* ( 250,000 – 320,000 บาทต่อตร.ม. , ราคาเฉลี่ย 280,000 บาทต่อตร.ม.)
ก็จะประมาณนะครับกับเรื่องของ Information Project รวมถึง Concept ในส่วนของการออกพื้นที่ Function ต่างๆของโครงการ The Reserve Sathorn by Pruksa Premium เป็นยังไงกันบ้าง แต่อย่างที่ผมบอกนั้นแหละครับ คือถ้าให้ผมมาเล่าว่า Spec ของโครงการดียังไง ของที่ให้ หรือ ใส่เข้ามาในโครงการสวยมั้ยดีหรือเปล่า อันนี้ผมว่าตัวผมเองก็ตัดสินใจฟันธงไม่ได้ชัวร์อยู่แล้วเนอะ ดังนั้นสำหรับใครที่สนใจโครงการนี้ ผมก็อยากให้แวะไปชมห้องตัวอย่างที่โครงการ และตัดสินจากความเป็นตัวคุณเองเลยดีกว่า ว่าโครงการ The Reserve Sathorn by Pruksa Premium จะสามารถตอบโจทย์ความเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ระดับ Luxury ในใจคุณได้มากน้อยแค่ไหน
แต่สิ่งที่ผมจะตอบและบอกคุณได้แน่ๆ นั้นก็คือ Unit Recommended สำหรับโครงการนี้ (มาดูกันว่าจะตรงกับตำแหน่งในใจใครหลายๆคนมั้ยนะ)
Unit Recommended : Option A
ผมขอเลือก Unit Plan แบบ 1 Bedroom Type A1 ขนาด 49.85 Sq.m. ตำแหน่ง 04 ระดับชั้นความสูงแนะนำชั้น 10-15
ข้อดี
– วิวของ Function : Bedroom จะได้อารณ์และตำแหน่งการมองเห็นตามภาพประกอบด้านบนเลยนะครับ ซึ่งจะมองเห็นสวน พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่อยู่ในที่ดินของ บ้าน หม่อมราชวงศ์ คึก ฤทธิ์ ซ.สวนพลู และดูแล้วที่ดินแปลงนี้ก็คงจะถูกอนุรักษ์ และอยู่เป็นพื้นที่สีเขียวแบบนี้ตลอดไปอีกนาน และมองเลยไปยังได้อารมณ์วิวเมืองของโครงการ 2 ข้างทางถนนแถวช่องนนทรีย์ (สำหรับผม วิวนี้คือความ Rare ที่แท้จริงของทำเลสาทร)
– Function : Living จะหันออกตรงๆไปทางทิศใต้ ดังนั้นเวลาที่เราอยู่อาศัยระหว่างวันในส่วนของพื้นที่นี้ ที่เราจะใช้เวลาอยู่ตลอดทั้งวันจะไม่ร้อนแสงแดดยามบ่ายนะครับ
– Function : Bathroom นอกจากจะได้เป็นแบบ 4 Fixture ตอบโจทย์ความเป็นโครงการ Luxury แล้ว ยังได้เรื่องของช่องแสงสว่างเพิ่มเข้ามา ซึ่งจะช่วยเรื่องของความโปร่งโล่งให้กับพื้นที่ Function นี้ได้ดีเลยครับ
ข้อเสีย
– ด้วยความโปร่งโล่งของวิวที่ได้โดยไม่มีอาคารสูงมาช่วยบดบังเรื่องของแสงแดด และ บังเอิญที่ตำแหน่งวิวนี้คือ วิวที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกแบบตรงๆ ดังนั้น ถ้าช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็ไม่ต้องพูดถึงหรือสงสัยกันเลยว่าจะร้อนมั้ย ในส่วนของ Function : Bedroom บอกเลยว่าร้อนแดดแน่นอนครับ
แต่สำหรับใครที่อยากได้ตำแหน่งห้องที่ไม่ต้องกังวลเรื่องของแดดร้อนช่วงเช้าหรือบ่าย ผมก็แนะนำว่าให้ลองไปดูตำแหน่งอื่น อย่างตำแหน่ง 03 ที่หันหน้าออกไปทางทิศใต้ หรือ ตำแหน่ง 06 ที่หันหน้าออกไปทางทิศเหนือ แทนก็แล้วกันนะครับผม
Unit Recommended : Option B
สำหรับ Option B ผมขอเลือก Unit Plan แบบ 2 Bedroom Crystal Type B8 ขนาด 104 Sq.m. ตำแหน่ง 01 ระดับชั้นความสูงแนะนำชั้น 15 – 20
ข้อดี
– ความที่ Unit Plan นี้เป็น Limited ของโครงการดังนั้นผมจึงอยากจะของเลือก Unit Plan นี้ในตำแหน่งที่ดีที่สุด และตำแหน่งที่ผมมองว่าดีที่สุดสำหรับ Unit Plan นี้ ก็คือ ตำแหน่ง 01 ในระดับความสูง ชั้น 15 – 20 วิวที่ได้จากในทุกๆ Function ภายในยูนิตนี้จะได้อารมณ์เหมือนในภาพประกอบเลยนะครับ ซึ่งเป็นช่องที่น่าจะโปร่งโล่งไปอีกนาน พอๆกับตำแหน่งวิวของ Unit Recommended : Option A
– ทำไมผมถึงเลือกระดับความสูงชั้น ประมาณ 15 – 20 เท่านั้น มีเหตุผลนะครับ
1. ถ้าเลือกสูงกว่านี้ ยังไงวิวก็ไม่พ้น อาคารฝั่งตรงข้าม แถมยิ่งสูงระยะมุมมองของตึกฝั่งตรงข้ามก็จะยิ่งชิดเข้ามาใกล้เราเข้าไปอีก (มันเป็นเรื่องของความรู้สึก) รวมถึงราคาจะยิ่งสูงขึ้นตามชั้นอีกด้วย
2. แล้วทำไมไม่เลือกชั้นล่างๆไปเลย เริ่มตั้งแต่ชั้น 10 จะได้มองวิวสระว่ายน้ำของอาคารฝั่งตรงข้ามก็น่าจะสวยดี
ใช่ครับ ถ้าเราเลือกชั้นล่างๆ จะได้วิวตามภาพด้านบนเลยครับ แต่ผมห่วงเรื่องของเสียงการจราจร เพราะโครงการห่างจากถนนสาทรหลักแค่ 80 เมตร ดังนั้นเลยคิดว่าเลือกชั้นสูงมาหน่อย และวิวสระว่ายน้ำของ อาคารฝั่งตรงข้าม ถ้าอยากจะมองก็มองแบบ Bird Eye View ไปแทน ดูแล้วน่าจะเป็นตำแหน่งที่ดูลงตัวที่สุด
– ผมชอบความแพง หรือ ความ Luxury จากการให้ความสำคัญกับ Unit Plan , Function , Layout และขนาดพื้นที่ ดังนั้นสำหรับผม ผมมองว่าความดีงามของ Unit Plan นี้ คือ Space ของพื้นที่ในแต่และ Function ที่ใช้งานได้จริง (อยากรู้รายละเอียดกับไปย้อนอ่านที่ผมวิเคราะห์ Unit Plan นี้ไว้ด้านบนนะครับ…เผื่อใครโกงข้อสอบ ข้ามมาอ่าน Unit Recommended ก่อนเลยก็ให้ย้อนกลับไปอ่านด้วยนะครับ)
ข้อเสีย
– ตำแหน่งของห้อง กับ ระยะห่างของอาคารฝั่งตรงข้าม สำหรับบางคนที่อยากได้ความโปร่งโล่งแบบวิวไม่มีอะไรบล็อกเลย ก็อาจจะรู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะ ตำแหน่งของ Function ภายในห้องที่จะโดนตึกฝั่งตรงข้ามบล็อกวิว ดันเป็นตำแหน่งใจกลางห้องอย่าง Function : Living + Crystal Balcony ด้วยเนี่ยนะซิ ก็ต้องออกแนววัดใจกันไปว่า ถ้าตึกเสร็จจริงแล้วระยะบล็อกจะออกมาแล้วอึดอัดมั้ย หรือ จริงๆแล้วไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร อันนี้ก็ดีไปครับ
ครับ … ก็จะประมาณนี้นะครับ สำหรับบทความ Unit Recommended : The Reserve Sathorn by Pruksa Premium สำหรับใครที่สนใจโครงการนี้ ผมแนะนำว่าลองแวะไปชมห้องตัวอย่าง ได้แล้ววันนี้! ที่สำนักงานขายโครงการ และ ก็เช่นเคยนะครับ สำหรับใครที่สนใจโครงการนี้ และ อยากพิมพ์เข้ามาแลกเปลี่ยนมุมมองการเลือกตำแหน่งยูนิตในโครงการกับผม ก็สามารถพิมพ์ Inbox เข้ามาสอบถามพูดคุยกันได้เช่นเคยนะครับ ผมยินดีและพร้อมช่วยเหลือทุกๆคนเสมอไม่ต้องเกรงใจนะครับ
สำหรับใครที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษสูงสุด 700,000 บาท* ได้ที่ http://bit.ly/2mfTQNW
โทรสอบถามข้อมูลโครงการเพิ่มเติม : 1739
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ