UNIQUE UNIT : เก็บเหลี่ยม… พื้นที่ที่เพิ่มมาต้องใช้งานได้ด้วยนะ
Unique Unit: 1 Bedroom Plus 45 sq.m. (Conner)
สำหรับใครที่ได้ติดตาม Unique Unit มาอย่างต่อเนื่องผมเชื่อว่าต้องมีหลายคนที่ได้เห็น Unit Plan แปลกๆ แล้วเกิดความคิดในใจประมาณว่า “ เห้ยย… มันมี Unit Plan แบบนี้ด้วยเหรอ? ” หรือ “ ทั้งตึกทั้งโครงการมันก็มี Unit Plan แบบนี้ต่อ Floor แค่ห้องเดียวมั้ง ยังจะสรรหามาอีก!? “ ซึ่งเอาจริงผมว่าหลายคนก็น่าจะเริ่มสังเกตเห็นแล้วว่า Unique Unit แท้จริงแล้วก็มาจาก Unit Plan ของโครงการต่างๆ จากหลากหลาย Dev หลากหลาย Brand หลายหลาย Segment ที่ทุกคนต่างล้วนเคยพบ เคยเห็น เคยผ่านตากันมาแล้วทั้งนั้น แต่ที่จำไม่ได้หรือไม่คุ้น ไม่เคยเห็นว่ามี ส่วนหนึ่งก็เพราะ Unit Plan เหล่านี้ มันมีความ Unique ไม่ใช่ Unit Plan Mass (ทั่วไป) หรือเป็น Unit Plan Mode หลักของแต่ละโครงการ แต่สาเหตุหลักจริงๆ ส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเป็น Unique Unit นั้นก็มาจากการที่ Dev ต้องการที่จะเก็บเศษพื้นที่ขายในแต่ละ Floor นั้นเอง แม้จะเป็นห้องที่เก็บเศษพื้นที่ขาย แต่บางครั้งเราก็มักจะพบว่า การจัดวาง Function นั้นทำออกมาได้ดีและลงตัวกว่าห้องที่เป็น Unit Plan แบบ Mass ของโครงการซะด้วยซ้ำ หรือ บางครั้งตำแหน่งของวิวก็อยู่ในทำเลที่ดีมากๆ ซึ่งส่วนใหญ่ Unit Plan เหล่านี้ ก็มักจะมีแค่เพียง 1 Unit ต่อ Floor เท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้ว ถึงแม้จะเป็นการเก็บเหลี่ยม เพื่อนับมาเป็นพื้นที่ขายของ Unit Plan ถ้าคิดและจัดวาง Function ออกมาได้ลงตัว Unit Plan แบบนี้ก็จะกลายเป็น Unit Plan ที่มีความต่างและน่าสนใจเป็นที่ต้องการ แต่ถ้าไม่ละ…
“Unit Plan เก็บเหลี่ยม… พื้นที่ที่เพิ่มมาต้องใช้งานได้ด้วยนะ” โดย Unit Plan ที่ผมจะมานำเสนอวันนี้ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus แบบตอนลึก ที่มีการแบ่ง Function ห้อง Master Bedroom ที่มีส่วนพื้นที่ของกระจกหน้าต่าง ที่ยื่นออกไปนอกตัวอาคารเล็กน้อย เพื่อช่วยให้มุมมองการเทควิวภายในห้องกว้างและดูเท่ห์ขึ้น และแถมยังที่มีการเพิ่มในส่วนของ Function เพิ่มเติม (ตามภาพ) ให้เป็น Function Bedroom ได้อีก ว้าว… ใครเห็นก็ต้องร้องว้าวววว… ขนาดพื้นที่ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป 45 sq.m. ได้ Function 2 Bedroom ซึ่งสามารถรองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวที่พึ่งเริ่มต้นและมีลูกเล็กได้
Unit Plan ตอนลึก ที่ดูไม่แคบเลย
มุมมองเวลาที่เราเปิดประตูเข้าห้องมานี่ถือว่าเป็น First Impression ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดเลยก็ว่าได้ ว่าเราหรือแขกที่เราพามาเยี่ยมห้องของเราจะมองห้องเราออกมาเป็นแบบไหน ดูดีหรูหรามั้ย? โปร่งโล่งรึเปล่า? ซึ่ง Unit Plan นี่ด้วยความที่เป็นแบบห้องตอนลึกด้วย แต่เมื่อเราเปิดประตูเข้า แม้เมื่อดูจากภาพจะเหมือนเป็นจุดที่โดนบีบเข้า แต่เมื่อปิดประตูแล้วถือว่ายังกว้างใช้ได้เลย ซึ่งหากวัดระยะรวมส่วนของ Function ครัวเข้าไปด้วยแล้วก็น่าจะมีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร และเมื่อเดินต่อเข้าไปในส่วนที่เป็น Function ของ Living Room ความกว้างของห้องก็เพิ่มขึ้นได้อีก0.5 – 0.7 เมตร ตรงจุดนี้ถือว่าเป็นข้อดีเลยครับ ความรู้สึกของคนที่เดินเข้ามาจะรู้สึกได้เลยถึงความต่างของ Function และยิ่งทำให้ห้องนี้ดูโปร่งและกว้างมาขึ้นด้วยครับ
Kitchen … เชื่อมต่อกับส่วนของ Function – Living Room
ส่วนของ Function – Kitchen แม้จริงๆแล้วจะถูกจัดวางไว้บริเวณของทางเข้าห้อง คือเปิดห้องมาแล้วเจอเลย แถมช่วงทางเดินเข้าห้องก็ถือว่าเป็นระยะที่แคบ แต่เอาจริงๆ อย่างที่บอกไว้ในหัวข้อด้านบนสำหรับ Unit Plan นี้ ด้วยความกว้างที่ 2-2.7 เมตร (ร่วมส่วนต่อเนื่องที่เชื่อมต่อกับ Function – Living Room) ซึ่งมันจะช่วยทำให้ Function ในส่วนของ Kitchen ของ Unit Plan นี้ดูกว้างและไม่อึดอัดแน่นอน
Living … อื้อหืออ ใช้งานกันยังไงละเนี้ยย!??
พื้นที่ในส่วนของ Function – Living Room ข้อดีที่เห็นชัดๆ คือความกว้าง 2.7 เมตร ซึ่งจริงๆก็ต้องถือว่ากว้างใช้ได้เลยครับ ดูแล้วไม่อึดอัดและน่าจะทำให้ Unit Plan นี้ดูดีได้เลย … แต่ด้วยความที่ Unit Plan นี้ทำทางเข้าออกในส่วนของBathroom ไว้ 2 ทางคือสามารถเข้าได้ทั้งจาก Living และ Master Bedroom คราวนี้ปัญหามันเลยเกิด คือ ผนังส่วนของชั้นวางทีวี ที่ต้องเสียพื้นที่ไปกับประตูทางเข้าห้องน้ำ ทำให้ส่วนของผนังชั้ววางทีวี ถูกเบี่ยงไปทางขวา ซึ่งเราจะไม่สามารถจัดวางส่วนของโซฟา ให้ตรงกับชั้นวางทีวีได้ เวลาอยู่กันจริงๆ ตาจะเหล่มั้ย? แอบเสียดายอะ …
ถ้าแฟนเพจที่อ่านมาถึงตอนนี้ ถ้าคุณเป็น Dev คุณจะเลือกวาง Function ของห้องนี้แบบไหนดี?
1. แบบตามภาพ ได้ทางเข้าห้องน้ำ 2 ทาง แต่ผนังส่วนของชั้นวางทีวีเหลือ 1.4-1.5 เมตร และไม่สามารถวาง โซฟา ให้ตรงกับชั้นวางทีวีได้
2. ผนังห้อง Living เป็นชิ้นเดียวยาวไปเลย 2.0-2.1 เมตร สามารถทำชั้นวางทีวีสวยๆ แกรนด์ๆ ได้ แต่ต้องเข้าห้องน้ำ จากส่วนของ Function – Master Bedroom ทางเดียวเท่านั้น
แบบไหนดีกว่ากันนะ…
ด้วยเหตุนี้ เมื่อดูจากในภาพ เราเลยเห็นการออกแบบ Function – Living Room ที่วางโซฟา ขั้นกลางระหว่าง Kitchen และ Dining นั้นเอง … ทุกอย่างมีเหตุและผลของมันเสมอนะครับ และด้วยความที่เป็น Unit Plan ตอนลึก สิ่งที่คนส่วนใหญ่จะกังวลนั้นก็คือเรื่องของแสงสว่างในส่วนของ Function ด้านใน ดังนั้นในส่วนของ Function – Living Room นี้ เค้าจึงออกแบบกระจกเพิ่มเติมเข้ามาในส่วนที่เชื่อมต่อกับ Function – Master Bedroom และ ส่วนของ Bedroom 2 ก็ใช้เป็นกระจกใสบานเลื่อน เข้ามาช่วยในเรื่องของแสงสว่างภายในห้อง อันนี้ถือว่าคิดมาดีแล้วช่วยได้จริงครับ
Master Bedroom … เกือบได้เป็นพระเอกอยู่แล้วเชียวว…
ที่ต้องพูดว่า Master Bedroom เกือบได้เป็นพระเอกอยู่แล้วเชียวว… ก็เพราะมันแค่เกือบจริงๆ อะครับ
อย่างแรกเลย ด้วยความที่การจัดวาง Function – Master Bedroom ออกมาเป็นพื้นที่ค่อนข้างตอนลึก และถือว่าเป็น Function ที่มีสัดส่วนพื้นที่มากที่สุดของ Unit Plan นี้ แต่หากมองถึงการกับใช้งานจริงของพื้นที่กับดูไม่ค่อยใช้งานได้จริงเต็มพื้นที่ในหลายจุด เริ่มด้วยที่เห็นชัดๆก่อนเลย คือเรื่องของการหดเข้า ยืดออก ของพื้นที่ภายในห้องทำให้ขาดความต่อเนื่องของผนัง ทั้ง 2 ฝั่ง และระยะความกว้างของห้องที่อยู่ประมาณ 2.2 เมตร ทำให้ช่วงระยะที่วางเตียงหากวางเตียงเป็นแบบ King Size เพื่อความแกรนด์ของ Master Bedroom เราจะเหลือพื้นที่ของทางเดินปลายเตียงค่อนข้างแคบ และส่วนในสุดของห้อง ที่จริงควรจะหล่ออยู่แล้วเชียวที่ได้ พื้นที่กระจกบานใหญ่เข้ามุมด้านซ้ายบริเวณปลายเตียง ที่จะช่วยเปิดมุมมองของวิวจากหัวเตียงได้กว้างและทำให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น แต่พอหันกลับมามองอีกมุมหนึ่งของห้องมุมด้านข้างหัวเตียง พื้นที่นี้คืออะไร? ที่จริงมุมด้านนี้ถ้าทำเป็นกระจกเข้ามุม คือ Unit Plan ห้องนี้จะดูโปร่งและดูดี สวยสุดพลังแล้วแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นผนังทึบพร้อมช่อง void ราวๆ 1 ตร.ม. ไปซะงั้น (ใครรู้ราคาต่อตร.ม. ของ Unit Plan นี้ ก็ลองคูณกลับกันดูนะครับ) น่าเสียดาย… เลยทำให้ Function – Master Bedroom นี้ อาจจะไม่โปร่งหรือไม่ได้ความว้าว…ของวิวเท่ห์ๆ เท่าที่ควร
แต่ก็ยังพอมีอะไรดีๆ ปลอบใจ สำหรับสาวๆ ที่รักการเก็บ การแต่งตัว ก็คือการได้ผนังยาว (ประมาณ 2.5 เมตร) ที่สามารถจัดตู้เสื้อผ้ากันแบบยาวๆ จัดเต็มกันได้เลยทีเดียว
Bedroom 2 … อย่าลืมว่า พื้นที่ในส่วนนี้ คือพื้นที่ ที่เชื่อมต่อกันส่วนของ Function ของระเบียงด้านนอก
ที่จริงต้องบอกเลยนะครับ ว่าเค้าแบ่ง Sizing ของ Function – Bedroom 2 ออกมาได้แบบว่าพอดีเป๊ะๆ เพราะความกว้างและลึก ของพื้นที่ในส่วนนี้คือ 2 x 2 เมตร คือแบบพอดีเป๊ะมาก กับความยาวของเตียงมาตรฐาน ส่วนความกว้างหากถ้าวางเตียงเดี่ยวที่กว้างราว 1.5 ม. ก็ถือว่ายังพอจะขยับๆ แต่ก็ไม่ควรวางโต๊ะ ตู้เตียงภายในห้องให้เกะกะ เพราะอย่าลืมว่า พื้นที่ในส่วนนี้คือพื้นที่ ที่ใช้เป็นทางเดินเชื่อมต่อกันส่วนของ Function ของระเบียงด้านนอก
แต่จะด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ (ต้องการ Function 2 Bedroom) หรือ เพราะข้อจำกัดของ Budget ที่ตั้งไว้ แต่ในชีวิตจริงในการอยู่อาศัยมันก็คงแอบโหดร้ายสำหรับคนที่ต้องนอนในส่วนของ Function – Bedroom 2 ของ Unit Plan นี้อยู่ดี วันดี คืนดี ต้องซักผ้า ตากผ้าขึ้นมา ก็ต้องเดินขนเสื้อผ้าผ่านพื้นที่ Function นี้ และแทนที่เวลานอนจะได้วิวด้านนอกสวยๆ กลับต้องมานอนมองราวตากผ้ากันไปซะอย่างงั้น เขินๆ ดูขัดใจชอบกลนะครับแบบนี้ สุดท้ายก็ต้องปิดม่านอยู่สงบๆ ในมุมกันไป
UNIQUE UNIT : เก็บเหลี่ยม… พื้นที่ที่เพิ่มมาต้องใช้งานได้ด้วยนะ
โครงการคอนโดมิเนียม หนึ่งโครงการ ก็อย่างที่เรารู้ๆกันว่า จริงๆมันก็มีจำนวนยูนิตเป็นหลักร้อย หลักพันยูนิต ให้เราได้เลือกซื้อ เลือกหา จะด้วยวัตถุประสงค์อะไรก็ตามที จริงอยู่ครับ… ว่าโครงการต่างๆก็ล้วนที่จะต้องมี Unit Plan ที่ดี ที่ด้อย ผสมๆกันอยู่ และโครงการที่คิดมาดี ห้องด้อยเหล่านี้ มันก็มักจะเป็นส่วนน้อยๆ เท่านั้นแหละครับ จะให้เป็น Unit Plan ที่ดีหมดทุกห้องเลยก็คงยาก จริงมั้ย? ไม่งั้นผมคงได้เขียนถึงโครงการนั้นว่าเป็นโครงการที่สามารถทำ Unit Recommended ได้ในทุกๆ Unit ในโครงการเลย ซึ่งผมก็ยังไม่เคยพบเจอ หรือ เคยเห็นโครงการไหนที่ทำได้จริงๆนั้นแหละ
แต่สำหรับผู้บริโภคอย่างเรา โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีวัตถุประสงค์ที่ต้องการซื้อห้องเพื่ออยู่อาศัยเอง อันนี้ผมแนะนำว่าต้องละเอียดมากๆ ก็อย่ามัวแต่หลงไปกับสิ่งที่ Dev พยายามสื่อสารหรือนำความต่างมาเรียกเป็นจุดขาย โดยไม่ได้มองว่า Unit Plan ที่เราซื้อไปนั้น Function หรือ พื้นที่ต่างๆภายในห้อง ที่เราต้องเสียเงินจ่ายเป็นราคาต่อตร.ม. มันใช้งานได้จริงมั้ย? หรือ ถ้าสำหรับใครที่อยากมองหา Unit Plan ที่เป็น Unique Unit ของแต่ละโครงการ เพื่อการลงทุน คุณกำลังจะแบกราคา Package ใหญ่กว่าเพื่อน (นักลงทุน) โดยไม่จำเป็นอยู่รึป่าว? เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เรามองว่าดี มองว่าแตกต่าง พอห้องจริงเสร็จพร้อมเข้าอยู่ สุดท้าย Real Demand ที่จะเข้าตอนโครงการแล้วเสร็จ เห็นห้องจริง Function จริงแล้วไม่รับ อันนี้ก็จบนะครับ …