Project : The Tree Pattanakarn – Ekkamai by Pruksa
Developer หรือ นักพัฒนา คือคำที่เรามักจะใช้เรียกผู้ประกอบการด้านอสังหาฯ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งในรูปแบบของแนวราบและแนวสูง โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภทแนวสูงที่เราเรียกกันจนติดปากว่า คอนโดมิเนียม นั้นเอง ซึ่ง Developer แต่ละเจ้าเองก็มีรูปแบบในการพัฒนาโครงการที่หลายหลายและแตกต่างกันออกไปตามความถนัดของแต่ละเจ้า
แต่คำถามที่หลายคนมักจะสงสัยกันอยู่ตลอด นั้นก็คือ … หากเราต้องการที่จะมองหาโครงการคอนโดมิเนียมดีๆสักที่ เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยจริง Developer เจ้าไหน หรือ รายใดที่จะตอบโจทย์ความต้องการของเราได้?
คำถามนี้ถือว่าเป็นคำถามที่ดีและน่าสนใจครับ แต่จะให้ผมตอบแบบฟันธงชี้เป้าให้โดนใจคนทุกคน ผมก็คงไม่สามารถทำได้หรอกนะครับเพราะการยอมรับและความชอบของคนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ซึ่งยังไม่นับถึงงบประมาณหรือความสามารถในการซื้อของแต่ละคนแต่ละกลุ่มที่มีไม่เท่ากันอีก จริงมั้ยครับ?
แต่ถ้าจะให้ผมตอบจากประสบการณ์ที่ผ่านมา โดยถ้านับตั้งแต่วันที่ผมเริ่มทำเพจ InsoCondo มา หนึ่งใน Developer ที่ผมเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีในการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ผมมองว่า Pruksa คือ Developer เจ้านั้น …
เดียวก่อนครับพี่ … หลายๆโครงการของ Pruksa ก่อนหน้านี้ ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จออกมาก็ยังเห็นโดนโพสต์ว่านั้นว่านี้จากตามหน้าเพจอื่นๆอยู่เลยอะครับ ?
ครับ … ก็จริงนะครับ ที่ว่าบางโครงการหรือบางแบรนด์ของ Pruksa เอง ก็อาจจะมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาบ้างครับ อันนี้ผมไม่เถียงนะครับ เพราะเอาเข้าจริงในหลายๆ Devloper ในหลายๆโครงการ ก็มีเรื่องปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องปกติเห็นกันอยู่ทั่วไปนะครับ แต่เมื่อเกิดปัญหาแล้วใครจะดูแลความรู้สึกของลูกบ้าน หรือการดูแลบริการหลังการขายได้ดีกว่ากัน
ซึ่งปัญหาเรื่องมาตราฐานของโครงการส่วนหนึ่งก็ต้องบอกเลยว่า เป็นเพราะด้วยความที่ทาง Pruksa มีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในหลากหลายแบรนด์ ในช่วงราคาที่หลากหลาย เพื่อให้เข้าถึงความต้องการที่อยู่อาศัยของคนทุกกลุ่ม ดังนั้นเรื่องของมาตราฐานของงาน หรือ ความคาดหวังของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละแบรนด์หรือโครงการต่างๆ จึงมีความหลากหลายตามไปด้วย นั้นแหละครับคือปัญหาใหญ่ๆที่มักจะเกิดขึ้นกับการพัฒนาโครงการของ Developer รายใหญ่
ซึ่งถ้าให้ผมยกหนึ่งในแบรนด์หรือโครงการจากทาง Pruksa ที่ผมมองว่ามีมาตราฐานการพัฒนาโครงการที่ดีอย่างต่อเนื่องแบบก้าวกระโดด จนทำให้ผมเห็นหรือสัมผัสได้ถึงความตั้งใจในการพัฒนาโครงการที่ดี แบรนด์นั้นก็คือโครงการ The Tree ” ต้นไม้ใหญ่ ” จาก Pruksa นั้นเอง ซึ่งสำหรับครึ่งปีหลังนี้ทาง Pruksa เตรียมที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ The Tree by Pruksa ด้วยกันทั้งหมด 3 โครงการ 3 ทำเล
โดยสำหรับบทความนี้ผมก็จะขอยก 1 ใน 3 โครงการใหม่จากทาง The Tree by Pruksa ซึ่งผมมองว่าเป็นโครงการที่น่าจะได้รับกระแสตอบรับจากทั้งกลุ่มคนที่เป็น Real Demand ในการซื้อเพื่อการอยู่อาศัย และ กลุ่มที่เป็นนักลงทุนสายปล่อยเช่า เพราะเป็นโครงการที่มาต่อยอดความสำเร็จของโครงการสร้างชื่ออย่างโครงการ The Tree Sukhumvit 71 by Pruksa
ใช่แล้วครับ … สำหรับบทความนี้ผมจะขอพูดถึงโครงการ The Tree Pattanakarn – Ekkamai by Pruksa โดยเนื้อหาการนำเสนอผมจะเน้นเรื่องของการวิเคราะห์ส่วนของ Funcion Layout ของ Unit Plan ที่เป็นห้องตัวอย่างของโครงการนี้เป็นหลักนะครับ เพื่อให้เป็นข้อมูลหรือไอเดียสำหรับใครที่กำลังให้ความสนใจโครงการนี้นะครับ
Project Information :
ทำเลที่ตั้งโครงการ : ถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม. 10251
จุดเด่นของทำเล … 5 นาทีสู่ย่านเอกมัยและทองหล่อ , 300 m. Airport Rail Link รามคำแหง , 250 m. จุดขึ้นลงทางด่วนฉลองรัช
ขนาดที่ดิน : 2 – 2 – 73.4 ไร่
ลักษณะโครงการ : อาคารชุดพักอาศัย High Rise 29 ชั้น 1 อาคาร
จำนวนยูนิต : ยูนิตพักอาศัย 699 ยูนิต
Unit Type : Floor to Ceiling 2.80 m., รูปแบบ Fully Fitted ซึ่งด้วยความที่ Unit Plan ของโครงการนี้มีความหลากหลายมากๆทั้งเรื่องของรูปแบบการจัดวาง Function Layout และขนาดของพื้นที่ ดังนั้นผมจะขอนำเฉพาะ Unit Plan ที่เป็นห้องตัวอย่างมาพูดถึงและทำการเขียนวิเคราะห์เท่านั้นนะครับ ส่วนถ้าใครที่สนใจ Unit Plan อื่นๆที่ไม่ได้เป็นห้องตัวอย่าง ก็สามารถเข้ามาพิมพ์พูดคุยสอบถามผมเป็นการส่วนตัวได้นะครับ
1 Bedroom 23.15 – 30.95 ตร.ม. [โดยห้องตัวอย่างของโครงการจะเป็น Unit Plan : 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 25.85 ตร.ม.]
เมื่อเราเปิดประตูเข้ามาภายในห้องก็จะพบกับพื้นที่ส่วนของ Function : Kitchen โดยการจัดวางจะเป็นแบบเคาน์เตอร์ขนานไปกับพื้นที่ทางเดินหลักของตัวห้อง ซึ่งความกว้างของพื้นที่ทางเดินในส่วนนี้ถือว่ากว้างขวางดีเลยครับ ไม่รู้สึกว่าคับแคบหรืออึดอัดแต่อย่างใด
ฝั่งตรงข้ามของพื้นที่ Function : Kitchen จะเป็นส่วนของพื้นที่ Function : Bathroom โดยภายในพื้นที่ในส่วนนี้จะเป็นรูปแบบ 3 Fixtures มีการกั้นส่วนของพื้นที่เปียก – แห้ง ออกจากกันด้วยฉากกั้นกระจก เพื่อให้ง่ายและสะดวกในการดูแลทำความสะอาด
การกั้นพื้นที่ในส่วนของ Function : Kitchen ออกจากพื้นที่ในส่วนของ Function อื่นๆที่อยู่บริเวณด้านในสุดของตัวห้องจะใช้เป็นฉากกั้นกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน เพื่อเป็นการช่วดลดปัญหาเรื่องของกลิ่นรบกวนและเพิ่มความเป็นสัดส่วนให้กับพื้นที่ Function ต่างๆภายในห้อง
ส่วนของพื้นที่ Function : Living + Bedroom จะถูกจัดวางไว้รวมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าด้วยความที่ขนาดพื้นที่ของห้องมีขนาดพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้นการที่จะออกแบบให้ Function ทั้ง 2 แยกออกจากกัน ด้วยฉากกั้น หรือ ผนัง จะยิ่งทำให้เวลาที่อยู่อาศัยจะอาจจะรู้สึกอึดอัดหรือคับแคบมากเกินไปนั้นเองครับ
บริเวณพื้นที่ด้านข้างของเตียงนอนที่อยู่ติดกับหน้าต่างของห้อง หากตอนที่อยู่อาศัยจริงจัดวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง หรือทำเป็นโต๊ะมุมทำงานก็ดูลงตัวอยู่นะครับ เพราะจะสามารถได้รับแสงสว่างที่พอเพียงนะครับ
ภาพรวมของพื้นที่ Function ต่างๆของ Unit Plan นี้หากมองย้อนมาจากพื้นที่ในส่วนของระเบียงด้านนอกของตัวห้อง
ซึ่งสำหรับบทวิเคราะห์ Function Layout ของ Unit Plan : 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 25.85 ตร.ม.นี้ ก็สามารถนำไปอ้างอิงกับ Unit Plan : 1 Bedroom ขนาดพื้นที่อื่นๆของโครงการนี้ได้นะครับ [Unit Plan : 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 23.xx – 25.xx ตร.ม.] เพราะรูปแบบการใช้งาน Function Layout ใกล้เคียงกันนะครับ จะแตกต่างกันแค่เรื่องของขนาดพื้นที่ และ ราคาของยูนิตเท่านั้นเองครับ
1 Bedroom 31 – 40.6 ตร.ม. [โดยห้องตัวอย่างของโครงการจะเป็น Unit Plan : 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 29.55 ตร.ม.]
สำหรับ Unit Plan : 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 29.55 ตร.ม. รูปแบบการจัดวาง Function Layout จะเป็นรูปแบบที่เหมือนกับ Unit Plan : 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 26 ตร.ม. ที่เคยได้รับความนิยมของโครงการ The Tree Sukhumvit 71 by Pruksa แต่มีการปรับเรื่องของพื้นที่ให้มีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่มากขึ้นนั้นเอง
เมื่อเราเปิดประตูเข้ามาภายในห้องจะพบกับส่วนของพื้นที่ Function : Living โดยภายในห้องตัวอย่างมีการจัดวางในส่วนของโต๊ะทำงานเล็กๆไว้บริเวณด้านข้างของตำแหน่งโซฟา
[ถ้าผมเป็นคนที่อยู่อาศัยจริงภายในห้องนี้ ผมก็อาจจะตัดส่วนของโต๊ะทำงานออกนะครับ และเลือกที่จะวางโซฟาให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ก็น่าจะทำให้ห้องดูโปร่งและมีความแกรนด์ได้มากยิ่งขึ้นนะครับ]
ส่วนของพื้นที่ Function : Dining + Kitchen จะถูกแยกไปอยู่บริเวณด้านข้างของตัวห้อง โดยพื้นที่ในส่วนนี้จะเป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับส่วนของพื้นที่ Function ระเบียงด้านนอกของตัวห้องนั้นเอง
ในส่วนของการกั้นพื้นที่ Function นี้กับส่วนของพื้นที่ Function : Living จะใช้เป็นฉากกั้นกระจกบานเลื่อนบานใหญ่แบบ 2 ตอน เพื่อช่วยในเรื่องของการรับแสงสว่างให้เข้าสู่พื้นที่ Function : Living ด้านในได้มากขึ้นนั้นเองครับ
ส่วนของพื้นที่ Function : Bedroom จะเป็นพื้นที่ที่อยู่บริเวณด้านในสุดของตัวห้อง โดยพื้นที่ในส่วนของ Function นี้จะอยู่ติดกับส่วนของบานหน้าต่างหลักของตัวห้อง
ดังนั้นจึงเป็นตำแหน่งในการมองวิวหลักของห้อง สำหรับใครที่กำลังสนใจ Unit Plan นี้ เวลาเลือกตำแหน่งหรือเลือกวิว ก็ให้คำนึงเรื่องทิศของตำแหน่งหัวนอนกันด้วยนะครับ
ส่วนของพื้นที่ Function : Bathroom ในส่วนของทางเข้าจะเข้าจากพื้นที่ Function : Living ดังนั้นสำหรับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในพื้นที่ส่วนที่เป็น Function : Bedroom การออกแบบและจัดวาง Function Layout ของ Unit Plan นี้ก็น่าจะถูกใจและตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคุณนะครับ
2 Bedroom 55.85 – 56.55 ตร.ม. [โดยห้องตัวอย่างของโครงการจะเป็น Unit Plan : 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ 55.85 ตร.ม.]
ในส่วนของ Unit Plan : 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ 55.85 ตร.ม. ทางโครงการเลือกที่จะออกแบบและจัดวาง Function Layout ออกมาบนขนาดพื้นที่ห้องที่ใหญ่กว่า 2 Bedroom ของหลายๆโครงการที่อยู่ในทำเลเดียวกัน เพื่อให้ Unit Plan : 2 Bedroom ของโครงการนี้มีความลงตัวและเหมาะสมกับการอยู่อาศัยจริงได้มากที่สุด
เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องเราก็จะพบกบส่วนของพื้นที่หลักของห้อง นั้นก็คือส่วนของพื้นที่ Function : Living + Dining โดยการจัดวางในส่วนของ Dining หรือโต๊ะทานข้าว จะถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งด้านหลังของ Sofa เพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่และช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น
ส่วนของพื้นที่ Function : Kitchen จะถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งด้านข้างเป็นพื้นที่เข้ามุมและเพิ่มความเป็นสัดส่วนของพื้นที่ Function นี้ด้วยผนังกั้นกระจกบานเลื่อนแบบปิดชนกัน ตามภาพประกอบด้านล่าง
ส่วนตัวแล้วผมชอบการจัดวางพื้นที่ Function : Kitchen แบบนี้นะครับ หากเวลาที่มีแขกมาเยี่ยมเยือนภายในห้องแล้วไม่อยากให้เห็นพื้นที่ในส่วนนี้ก็สามารถเลื่อนฉากกั้นมาปิดบังสายตาได้นะครับ
ในส่วนของพื้นที่ Function : Master Bedroom + Bedroom + Bathroom จะถูกแบ่งและจัดวางไว้ในตำแหน่งอีกด้านหนึ่งของห้อง
โดยจะมีส่วนของการเดินเป็นเหมือนตัวแบ่งแยกพื้นที่ส่วนของ Function : Living ออกจากพื้นที่ Function อื่นๆที่อยู่ด้านใน ทำให้ได้ความรู้สึกความเป็นพื้นที่ Private Zone มากขึ้นนั้นเอง
เมื่อเดินตามทางเดินเข้ามาสุดทางจะเป็นตำแหน่งของพื้นที่ Function : Bedroom ซึ่งการจัดสรรพื้นที่ในส่วนนี้ผมว่าดูลงตัวเลยครับไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปอยู่ได้จริง แต่พื้นที่ภายใน Function นี้จะไม่มีส่วนของ Function : Private Bathroom นะครับ ดังนั้นเวลาที่เราอยู่อาศัยจริงจะต้องออกไปใช้ในส่วนของ Function : Bathroom ที่อยู่บริเวณทางเดินหน้าห้องนั้นเอง
ในส่วนของพื้นที่ Function : Bathroom ที่อยู่บริเวณทางเดินหลักของห้อง ภายในจะถูกออกแบบ Function มาเป็นแบบ 3 Fixtures เหมือนกับ Function : Bathroom ของ Unit Plan ขนาดอื่นๆในโครงการนี้นะครับ
ส่วนของพื้นที่ Function : Master Bedroom ถือว่าเป็นพระเอกของ Unit Plan เลยนะครับ ด้วยขนาดของพื้นที่ที่มีขนาดที่ใหญ่กว่าพื้นที่ที่ Function อื่นๆภายใน Unit Plan นี้ [หากนับรวมพื้นที่ Function : Master Bedroom + Private Bathroom]
ซึ่งความดีงามของพื้นที่ Function : Master Bedroom ยังไม่หมดครับ ทางโครงการมีการออกแบบในส่วนของผนังกระจกโค้งเพิ่มเข้ามา เพื่อให้เวลาที่เราอยู่อาศัยภายในพื้นที่ Function นี้จะได้มุมมองวิวที่เปิดกว้างและความรู้สึกโปร่งโล่งในการอยู่อาศัยที่มากยิ่งขึ้นนั้นเอง
พื้นที่ส่วนของ Function : Private Bathroom ที่อยู่ด้านในส่วนของพื้นที่ Function : Master Bedroom ก็ยังคงได้เป็นแบบ 3 Fixtures เช่นกัน [แอบเสียดายน่าจะมี Bathtub เพื่อเพิ่มความพิเศษเข้ามาอีกหน่อยนะ … แต่ก็เข้าใจได้ว่าน่าจะเป็นเรื่องของข้อจำกัดของขนาดพื้นที่รวมนะครับ]
Floor Plan : จำนวนยูนิตต่อชั้น 29 ยูนิตต่อชั้น
หมายเหตุ … ด้วยความที่รูปแบบการจัดวาง Unit Plan ของแต่ละชั้น มีความแตกต่างกันอยู่นะครับ คือ เลขที่ห้องอาจจะเป็นเลขเดียวกัน มุมมองวิวถ้ามองตรงจะได้วิวในแนวเดียวกัน แต่รูปแบบการจัดวาง Function Layoutout อาจจะมีความแตกต่างกัน [เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผมไม่ได้เลือกที่จะนำเสนอบทความของโครงการนี้ในรูปแบบของบทความ Unit Recommended นั้นเองครับ] ดังนั้นสำหรับใครที่สนใจโครงการนี้ก่อนจะทำการจองลองดูรายละเอียดของ Unit Plan ที่คุณสนใจในแต่ละชั้นอย่างละเอียดก่อนทำการจองนะครับ
ดังนั้นผมจึงขอเลือกนำภาพ Floor Plan ในบางชั้นมาลงเพื่อให้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้นนะครับ สำหรับใครที่สนใจและอยากดูรายละเอียดในส่วนของ Floor Plan ของโครงการนี้แบบครบๆ ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ Link นี้เลยนะครับ… https://thetreecondo.pruksa.com/23227/the-tree-pattanakarn-ekkamai
Master Plan :
29 Fl. : Sky Facilities
Facilities : สำหรับโครงการภายใต้แบรนด์ The Tree เรื่องของพื้นที่ส่วนกลาง ต้องถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่สะท้อนความดีงามและหรูหราให้กับตัวโครงการ
โดยพื้นที่ส่วนกลางของโครงการนี้จะประกอบไปด้วย : โถงต้อนรับ , ตู้จดหมาย , สวนออกกำลังกายชั้น 1 , จักรยานออกกำลังกาย , แผงปีนเขาจำลอง , สวนพักผ่อน , ลานโยคะ , ลานน้ำพุผุด , Co-Working Space , Game Room , ห้องดูทีวีเหนือห้อง Game Room , Sky Fitness , Sky Lounge , สะพานท้องกระจก , Pool Theatre ดูหนังในสระ Jacuzzi , สระว่ายน้ำ , สระห้องกระจกและผนังกระจกยื่นออกมาจากขอบสระ , สวนพักผ่อน/ลู่เดินออกกำลังกาย
จำนวนที่จอดรถ : 251 คัน ประมาณ 36% ไม่นับรวมการจอดซ้อนคัน
ค่าส่วนกลางและค่ากองทุน : 45 / 500 บาทต่อ ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น : 1.59 ล้านบาท*
ในส่วนของบทความ Project : The Tree Pattanakarn – Ekkamai by Pruksa ก็จะประมาณนี้นะครับ สำหรับโครงการนี้ผมมองว่าทาง Developer มีความตั้งใจที่จะพัฒนาโครงการนี้ออกมา เพื่อเป็นการต่อยอดและแทนคำขอบคุณสำหรับกระแสตอบรับที่ดีมากๆจากโครงการแรกอย่างโครงการ The Tree Sukhumvit 71 by Pruksa
ซึ่งเราจะเห็นถึงความตั้งใจในการพัฒนาโครงการนี้ได้จากทั้งเรื่องของ Concept ของพื้นที่ส่วนกลางในตำแหน่งต่างๆของโครงการนี้ ที่นอกจากจะเน้นเรื่องของ Function การใช้งานแล้ว ก็ยังคงความหรูหราไม่ให้แพ้โครงการรุ่นพี่ เอาเข้าจริง…เผลอๆอาจจะดูหรูหรามากขึ้นกว่าเดิมซะด้วยซ้ำนะครับ [เพื่อให้เหมาะสมกับราคาที่ดูเหมือนจะสูงขึ้นจากเดิม]
และยังมีในส่วนของการอัพเกรดขนาดของพื้นที่ Unit Plan เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องในอยู่อาศัยที่ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งโครงการภายใต้แบรนด์ The Tree by Pruksa ที่ผมเชื่อมั่นว่าเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จออกมาจะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีความน่าอยู่และคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปวันนี้แน่นอน
เพิ่มเติม …
The Tree Pattanakarn – Ekkamai by Pruksa
คอนโดใหม่ ใกล้ Airport Link รามคำแหง เพียง 300 ม. และ และทางด่วนฉลองรัช 250 ม.
ซึ่งโครงการจะเปิด Presale ในวันที่ 19-20 ต.ค. นี้นะครับ เริ่ม 1.59 ล้าน.* ผ่อน 999 บาท 0% นาน 6 เดือน*
ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท.* คลิก : https://tinyurl.com/y4kzgoc7
โทร : 1739
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ