โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อเหลือเกินว่า … ในปัจจุบันหลังจากที่เราผ่านช่วงเวลาของสถานการณ์โควิดที่ยากลำบากกันมาได้ เมื่อเราหันกลับมามองฝั่งของภาคการพัฒนาอสังหาฯบ้านเราก็ดูเหมือนช่วงเวลาที่ผ่านมา Developers จะมีการชะลอตัวการเปิดตัวโครงการใหม่ๆบนทำเลดีๆไปเยอะมากๆ
ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังมองหาโครงการคอนโดมิเนียมโดยเฉพาะโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมอยู่เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์การอยู่อาศัยของตัวคุณเอง หากมองหาไปที่โครงการที่อยู่ในทำเลที่ดีๆใจกลางเมืองติดสถานีรถไฟฟ้าสายสายสีหลัก นอกจากในปัจจุบันจะเริ่มหาโครงการใหม่ๆพร้อมอยู่ที่ดีน่าสนใจได้ยากมากๆแล้ว เรื่องของราคาก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ใครหลายคนต้องคิดหนักหากจะมองหาโครงการที่อยู่ในทำเลใจกลางเมืองเพราะมีราคาที่สูงมากๆ
ประกอบกับในส่วนของความคืบหน้างานก่อสร้างสถานีส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีต่างๆรอบเมืองที่เริ่มเห็นถึงความคืบหน้างานก่อสร้างอย่างต่อเนื่องและเริ่มทยอยเปิดให้บริการ เช่นสายสีเขียวส่วนต่อขยาย , สายสีเหลือง และชมพู ที่จะเปิดให้บริการกลางปี 2566 ทำให้ใครหลายคนเริ่มมองหาการขยับขยายทำเลในการมองหาโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่กันมากขึ้น
ยกตัวอย่างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆที่เป็นการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายหลักอย่างรถไฟฟ้าสาย BTS และ MRT ที่น่าสนใจ ผมมองว่าสายสีเหลืองหรือสายสีส้มดูจะเป็นทำเลทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด
โดยโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ในทำเลส่วนต่อขยายรถไฟฟ้ารอบนอกที่ผมจะขอหยิบยกมาพูดถึงแชร์มุมมองที่น่าสนใจในบทความนี้นั่นก็คือ โครงการ KnightsBridge Sukhumvit – Thepharak [ Ready To Move ] ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ผมมองว่ามีความน่าสนใจมากๆด้วยความที่ตัวเองมีความคุ้นชินและมีประสบการณ์ในการอยู่อาศัยบนทำเลนี้มาก่อน
ส่วนหนึ่งที่ผมมองว่าทำเลนี้มีความน่าสนใจก็เพราะสมัยตอนที่ผมยังเรียนหนังสือในวัยเด็กผมเคยมีประสบการณ์อยู่อาศัยในทำเลนี้มาก่อน ซึ่งนอกจากจะเป็นทำเลที่รายล้อมไปด้วยสถานศึกษาชื่อดังแล้ว ทำเลนี้ยังมีความพร้อมเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยหลายๆอย่างเลยนะครับ เช่น ร้านค้าร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงแหล่งงานต่างๆและสถานพยาบาลอีกด้วย
เพิ่มเติม : ความน่าสนใจของโครงการ KnightsBridge Sukhumvit – Thepharak ในมุมต่างๆ
Location : ทำเลที่ตั้งของโครงการ
– ทำเลที่ตั้งของตัวโครงการโดดเด่นด้วยการเป็นโครงการที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีทิพวัล เพียง 0 เมตร โดยสถานีนี้เราจะสามารถเดินทางเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีสำโรงเพียง 1 สถานีเท่านั้น ดังนั้นในส่วนของการเดินทางต่อเข้าสู่เข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างทำเลสุขุมวิทก็ถือว่าสะดวกมากๆ
– ด้วยความที่ทำเลที่ตั้งของตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนเทพารักษ์เชื่อมต่อระหว่างถนนสายหลัก 2 สาย นั่นก็คือถนนสุขุมวิท และ ศรีนครินทร์ ทำให้ในส่วนของการเดินทางโดยรถยนต์ก็ถือว่าสามารถเลือกการเดินทางที่คล่องตัวและสะดวกมากขึ้น พร้อมทั้งยังใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนบูรพาวิถี (บางนา–ตราด) และวงแหวนกาญจนาภิเษก
ศักยภาพของทำเลในอนาคต : หากจะให้กล่าวถึงเรื่องของศักยภาพของทำเลในอนาคต เราก็ต้องเริ่มวิเคราะห์จากบริบทและกายภาพโดยรวมของทำเล นำไปประกอบกับความต้องการในการอยู่อาศัยของคนในทำเลนี้ว่ามีโอกาสที่จะมีการเติบโตมากขึ้นในอนาคตได้จากอะไรกันบ้าง
ซึ่งเมื่อเรามองทำเลที่ตั้งของตัวโครงการ KnightsBridge Sukhumvit – Thepharak [ Ready To Move ] วางเป็นจุดศูนย์กลางจะเห็นเลยว่าบริบทโดยรอบของทำเลที่ตั้งโครงการนั้นล้วนแล้วแต่มีสถานที่สำคัญๆที่น่าสนใจในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษาชั้นนำทั้งโรงเรียนเอกชน โรงเรียนรัฐบาล ไปจนถึงโรงเรียนนานาชาติอีกหลายแห่ง และส่วนของสถานที่แหล่งงานที่มีทั้งเป็นอาคารสำนักงาน นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มากมาย โรงงานอุตสาหกรรม และสถานพยาบาลหลายแห่ง
ด้วยบริบทของทำเลที่ได้กล่าวมาจะทำให้เราเห็นได้ชัดเจนเลยว่าทำเลนี้มีปริมาณความต้องการในการอยู่อาศัยที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Real Demand ที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองที่มองหาที่อยู่อาศัยไว้รองรับสำหรับบุตรหลานในการช่วยเรื่องของการเดินทางไปเรียนหนังสือที่สะดวกมากขึ้น หรือจะเป็นกลุ่ม Real Demand ที่มองหาที่อยู่อาศัยใกล้สถานที่ทำงานแหล่งงานต่างๆในพื้นที่
เพิ่มเติม … สำหรับใครที่เป็นสายการลงทุน Investor สายปล่อยเช่าหรือใครที่กำลังให้ความสนใจอยากจะเริ่มลงทุนในทำเลนี้โครงการนี้ นอกจากความน่าสนใจในมุมของ Real Demand ที่ต้องการอยู่อาศัยในทำเลนี้ที่มีปริมาณความต้องการที่เยอะมากๆแล้ว ทางโครงการก็ยังมีความน่าสนใจในส่วนของ Investment Property Program เพิ่มเติมมารองรับและอำนวยความสะดวกให้กับคนที่สนใจในการลงทุนที่โครงการนี้อีกด้วยนะครับ
ซึ่งการที่ทางโครงการนี้มีส่วนของ Investment Property Program ผมมองว่าน่าจะส่งผลดีต่อการบริหารในส่วนของการกำหนดมาตราฐานราคาค่าเช่า ไปจนถึงการดูแลสภาพพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการนี้ให้ยังคงสวยงามอยู่ตลอดเพื่อให้มูลค่าของโครงการสูงขึ้นได้ตามการพัฒนาของทำเลในอนาคตนั่นเองครับ
Product : ข้อมูลต่างๆของตัวโครงการที่น่าสนใจ
ขนาดที่ดิน : 1 – 3 – 54 ไร่
ลักษณะโครงการ : อาคารชุดพักอาศัย High Rise 1 อาคาร ความสูง 35 ชั้น
จำนวนยูนิต : 474 Units
Unit Type : Floor to Ceiling ความสูง 2.8 เมตร , Home Automation , Smart Mirror กระจกอัจฉริยะ ระบบ Android Touchscreen สามารถที่ใช้เชื่อมต่อระบบ Internet ได้
โดยในส่วนของ Unit Plan ทางโครงการมีการพัฒนาออกมาเพื่อให้ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ตัว Unit Plan มีจุดเด่นในเรื่องของการใช้ Technology ที่เพิ่มเติมเข้ามาเพื่อช่วยทำให้คุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยดีมากขึ้น
และในส่วนความสูงของตัวห้องพักอาศัยที่ 2.8 เมตร ทำให้เวลาที่เราอยู่อาศัยจริงภายห้องจะได้ความรู้สึกในการอยู่อาศัยที่โปร่งโล่งที่มากกว่าโครงการอื่นๆในทำเลใกล้เคียง ซึ่งถือว่าทำให้ Unit Plan ของโครงการนี้มีความพิเศษและน่าจะตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ดีมากๆนั่นเองครับ
Studio ขนาดพื้นที่ 23.50-26.00 sq.m.
1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 27.00-28.00 sq.m.
1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ 31.00-39.00 sq.m.
2 Bedroom ขนาดพื้นที่ 53.00-55.00 sq.m.
หมายเหตุ : หากใครที่สนใจอย่างอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของการวิเคราะห์ Function Layout ของ Unit Plan โครงการนี้ ก็สามารถกลับไปอ่านเพิ่มเติมกันได้ที่บทความนี้เลยครับ https://www.insocon.co/knightsbridge-sukhumvit-thepharak-by-origin/
Floor Plan : ด้วยความที่โครงการเป็นอาคารในรูปแบบ High Rise ที่มีความสูงถึง 35 ชั้น และตัวอาคารถูกออกแบบให้มีการเล่นระดับ
ดังนั้นรูปแบบการจัดวางพื้นที่ส่วนกลางของตัวโครงการจึงมีการออกแบบให้แทรกตัวอยู่ตามจุดต่างๆของตัวอาคารมากถึง 5 ชั้น เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับพื้นที่ส่วนกลางต่างๆเหล่านี้ เช่นการนำพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นไฮไลท์อย่างตัวสระว่ายน้ำและ Fitness ไปอยู่ที่ชั้น 30 เพื่อทำให้สามารถรับชมวิวสวยที่โปร่งโล่งได้จากพื้นที่ในส่วนนี้ และช่วยเพิ่ม Value ให้กับตัวโครงการได้มากขึ้นนั่นเองครับ
ส่วนของการออกแบบชั้นที่เป็นชั้นพักอาศัยของตัวโครงการนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 2 โซน คือ ช่วงชั้น 11 – 29 ที่มีจำนวนยูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 18 – 22 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนยูนิตต่อชั้นที่ไม่เยอะเลยหากเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆบนทำเลโดยรอบ
แต่สำหรับใครที่อยากได้ความ Private ที่มีมากกกว่าผมก็แนะนำให้เลือกยูนิตที่ช่วงชั้น 31 – 35 เลยครับ เพราะนอกจากจะได้ในส่วนของคุณภาพวิวที่โปร่งโล่งเห็นขอบฟ้า วิวเมือง วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ไปจนถึงได้วิวสระว่ายน้ำของตัวโครงการในบางตำแหน่งแล้ว จำนวนยูนิตต่อชั้นยังมีเพียง 12 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้นนั่นเองครับ
Facilities Area :
Drop Off Area , Grand Visitor Lounge , Auto Parking [49%] , EV Charger , Exclusive Residential Lounge , Smart Locker , Serenity Garden , 4 Seasons Pavilion , Kids zone , Greenery Co-working Space , Meeting Room , Co-kitchen Space , Private Sky Terrace , Private Sky Lounge , Twilight Edge Pool , Sky Jacuzzi , Dynamic Fitness , Spinning Room , Sky Bar & Garden
ความน่าสนใจของพื้นที่ส่วนกลางของตัวโครงการนี้ นอกเหนือจากเรื่องของความหลากหลายและขนาดของพื้นที่ที่มีการกระจายแทรกตัวตามความสูงของตัวโครงการมากกว่า 5 ชั้นแล้ว เรื่องของงานตกแต่งของพื้นที่ส่วนกลางของโครงการนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้หรูหราและแต่ต่างจากโครงการอื่นๆมากๆ
โดยเฉพาะอย่างส่วนของพื้นที่ Grand Visitor Lounge หรือ Grand Lobby ที่นอกจากเรื่องของงานตกแต่งที่หรูหราเป็นหน้าเป็นตาให้กับตัวโครงการแล้ว ยังได้ความแกรนด์ของพื้นที่ด้วยความสูงของพื้นที่ที่เป็น Double Volume อีกด้วยนั่นเองครับ
ระบบรักษาความปลอดภัย : กล้องวงจรปิด CCTV 24 ชั่วโมง , ระบบ Access Control ด้วย Key Card เข้า-ออกอาคารและพื้นที่จอดรถ , เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
ซึ่งหากถามผมเพิ่มเติมว่า … ” Unit Plan แบบไหนที่เหมาะสมสำหรับ Real Demand แล้วโครงการ KnightsBridge Sukhumvit – Thepharak [ Ready To Move ] นี้เหมาะสำหรับใคร ? ”
ด้วยความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบและตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางของตัวโครงการที่มีทั้งความหรูหราและความแตกต่างจากโครงการอื่นๆโดยรอบทำให้โครงการนี้มีความน่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะสำหรับใครที่กำลังมองหาโครงการเพื่อตอบโจทย์เรื่องของความเป็นส่วนตัวจากจำนวนยูนิตในโครงการที่ไม่เยอะ ไม่วุ่นวย ดูเหมือนโครงการนี้จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆสำหรับ Real Demand บนทำลนี้เลยในมุมมองของผม
โดยหากมองในมุมของ Real Demand ที่เป็นกลุ่มคนเริ่มต้นวัยทำงานหรือทำงานมาได้สักระยะแล้ว ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ที่จะช่วยยกระดับการอยู่อาศัยและตอบโจทย์เรื่องของการเดินทางเชื่อมต่อเข้าเมืองโครงการนี้ถือว่าน่าจะตอบโจทย์ โดย Unit Plan ที่ดูแล้วน่าสนใจสำหรับคนกลุ่มนี้
ผมมองว่าตัวเลือก 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 27.00-28.00 sq.m. ที่มีให้เลือก 2 แบบ และ 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ 31.00-39.00 sq.m. น่าจะเป็นตัวเลือกที่จะตอบโจทย์ทั้งเรื่องของความเป็นสัดเป็นส่วนของพื้นที่การอยู่อาศัยและยังเป็น Unit Plan ที่เราสามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยในระยะยาวได้แบบสบายๆครับ เพราะสามารถปรับใช้พื้นที่ในส่วนของห้องอเนกประสงค์ได้ตามความต้องการใช้พื้นที่ของเรานั่นเองครับ
โดย 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 27.00-28.00 sq.m. แบบแรกจะมี Function : Kitchen แบบครัวนอกติดระเบียง เป็นการออกแบบพื้นที่ที่เหมาะกับใครที่เป็นสายทำครัวประกอบอาหารหนักๆภายในห้อง และมีการแบ่งพื้นที่ built in โต๊ะเครื่องแป้ง บริเวณหน้าห้องน้ำ และในส่วนห้องนั่งเล่น จากความสูงของฝ้าเพดาน 2.8 เมตร จึงทำให้รู้สึกโปร่งโล่งภายในห้อง สามารถจัด Dining table สำหรับ 2 ที่ โดยตำแหน่งจะติดกับโซฟา โดยมีบานเลื่อนกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอน เพื่อความเป็นส่วนตัว
1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 27.00-28.00 sq.m. แบบที่สองทางโครงการเลือกจะเน้นออกแบบพื้นที่ Function : Walk In Closet ให้มีความโดดเด่นและแตกต่างที่น่าสนใจ โดยการออกแบบให้เหมาะกับใครที่ต้องการตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ และยังสามารถทำให้ห้องนอนมีพื้นที่มากขึ้น สามารถทำเป็นมุมทำงานหรือเพิ่มชั้นวางของได้อย่างอิสระ นอกจากนั้นเราสามารถเข้าออกห้องน้ำได้ 2 ทางอีกด้วย
ถือว่าเป็น Unit Plan ที่น่าจะตอบโจทย์สำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการพื้นที่การอยู่อาศัยที่ได้ทั้งสัดส่วนของพื้นที่และความเป็นส่วนตัว ซึ่งน่าจะตอบโจทย์การใช้พื้นที่โดยเฉพาะในส่วนของ Function : Walk In Closet น่าจะถูกใจแน่นอนครับ
ในส่วนของ Unit Plan : 1 Bedroom Plus โดยส่วนตัวหากให้ผมเลือกในมุมของ Real Demand ที่เป็นคนโสดที่ต้องการใช้พื้นที่ในส่วนของ Function : ห้องอเนกประสงค์ในมุมของการตอบโจทย์การเป็นพื้นที่ทำงาน WFH ผมมองว่า Unit Plan : 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ 31 – 39 sq.m. ดูจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องของสัดส่วนพื้นที่ Function ที่ลงตัวมากที่สุดนะครับ
สำหรับ Real Demand พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานและกำลังมองหาที่อยู่อาศัยสำหรับการอยู่อาศัยแบบเป็นครอบครัว ผมแนะนำว่าถ้ามีงบประมาณที่เปิดกว้างและกำลังให้ความสนใจโครงการนี้ ผมแนะนำว่า 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ 53.00 sq.m. เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆครับ
เป็น Unit Plan ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องของการจัดสรรพื้นที่ Function Layout ที่ดูลงตัวมากๆ สัดส่วนของแต่ละพื้นที่ Function ถือว่าทางโครงการออกแบบมาได้น่าสนใจแบบสุดๆครับ โดยเฉพาะส่วนของพื้นที่ Function : Living ที่ผมว่าได้ทั้งความอิมแพคและการใช้งานพื้นที่ลงตัวเลยครับ
ก็จะประมาณนี้นะครับ … สำหรับมุมมองต่างๆที่น่าสนใจของโครงการ KnightsBridge Sukhumvit – Thepharak [ Ready To Move ]
เพิ่มเติมในส่วนของมุมมองของผมที่มีต่อโครงการนี้นั้น … ผมมองว่าโครงการนี้มีความโดดเด่นทั้งเรื่องของทำเลและ Concept โดยรวมในการพัฒนา โดยความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนมากๆเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆโดยรอบบนทำเลเดียวกัน นั่นคือเรื่องของ Segment ของตัวโครงการ ซึ่งเมื่อนำในส่วนของบริบทต่างๆของทำเลที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นมาประกอบ ก็ยิ่งทำให้ผมมั่นใจและมองว่าโครงการ KnightsBridge Sukhumvit – Thepharak [ Ready To Move ] จะเป็นหนึ่งในโครงการที่มีแน้วโน้มในการเติบโตแบบยั่งยืนมากๆนั่นเองครับ
นอกจากนี้ทางโครงการ KnightsBridge Sukhumvit – Thepharak [ Ready To Move ] มีโปรแกรม Investment Property Program ซึ่งเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ ซึ่งจะได้รับผลตอบแทน 5-9% นาน 10 ปี* เพราะด้วยความที่เป็นโครงการที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า 0 เมตร การคมนาคมหลากหลาย ใกล้แหล่งงานที่สำคัญ จึงเป็นทำเลที่มีศักยภาพมีแนวโน้มในการเติบโตในอนาคตค่อนข้างแน่นอนนั่นเองครับ
สุดท้ายนี้ผมก็หวังว่าบทความนี้น่าจะทำให้ใครหลายคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในทำเลทางเลือกทำเลนี้เพื่อต้องการตอบโจทย์ทั้งเรื่องของการเดินทางที่สะดวกและทำเลโครงการอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าในงบประมาณที่ไม่สูงมากนัก ได้มีตัวเลือกเพิ่มเติมประกอบการการตัดสินใจในการมองหาที่อยู่อาศัยที่ดีจะตอบโจทย์การอยู่อาศัยสำหรับคุณกันนะครับ
เพิ่มเติม …
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม